ในช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เข้ามาลงทุนผลิตเซลล์แสงอาทิตย์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ในไทยเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยมีมูลค่าการลงทุนราว 45,186 ล้านบาท เติบโตมากกว่าร้อยละ 850.0 จากปี 2557 โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า หากบริษัทผู้ผลิตมีการลงทุนตามแผนที่วางไว้ อุตสาหกรรมผลิตเซลล์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของไทยโดยรวมน่าจะมีกำลังการผลิตพุ่งสูงกว่า 1,000 เมกะวัตต์ต่อปีในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า และในกรณีที่มีการผลิตเต็มกำลังในอนาคต ก็น่าจะส่งผลให้การผลิตโดยภาพรวมสูงกว่า 2,000 เมกะวัตต์ต่อปี
จากปัจจัยผลักดันจากการเข้ามาลงทุนผลิตเพื่อส่งออกของนักลงทุนต่างชาติตามดังกล่าวข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2559 ไทยน่าจะสามารถส่งออกเซลล์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ในปี 2559 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,540 – 8,930 ล้านบาท ขยายตั วราวร้อยละ 291.0 – 308.9 จากปี 2558 ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 2,184.2 ล้านบาท ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 1,452.4 จากปี 2557
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ถึงแม้ว่าการส่งออกเซลล์แสงอาทิตย์และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของไทยโดยภาพรวมจะเติบโตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่การส่งออกดังกล่าวจะถูกขับเคลื่อนจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เป็นนักลงทุนต่างชาติซึ่งใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตและส่งออกมากกว่าจะเป็นผู้ประกอบการไทยรายเดิมในตลาด โดยผู้ประกอบการไทยยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งความต้องการในประเทศที่หดตัวในปัจจุบัน เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้แผงเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศไทยเข้าสู่ภาวะชะลอตัวตามการลงทุนของธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ประกอบกับการผลักดันโครงการเปิดเสรีในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่อยู่อาศัยหรืออาคารภาคธุรกิจ และโครงการโซลาร์ฟาร์มในส่วนราชการของรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก และยังคงต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในตลาดมากขึ้น ดังนั้น กลุ่มผู้ประกอบการไทยในตลาดจึงควรต้องปรับตัวเน้นไปสู่การส่งออกมากขึ้น ด้วยการแสวงหาตลาดใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ประเทศในแถบยุโรป หรือแม้แต่ตลาดประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น