Display mode (Doesn't show in master page preview)

8 ธันวาคม 2566

เศรษฐกิจต่างประเทศ

การประชุม FOMC วันที่ 12-13 ธ.ค. 2566 คาดเฟดคงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ต่อเนื่อง ขณะที่เฟดคงยังมีมุมมองระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป (มองเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4028)

คะแนนเฉลี่ย

       ในการประชุม FOMC วันที่ 12-13 ธ.ค. นี้ คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25-5.50% อย่างต่อเนื่อง หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับลดลงกว่าคาดและตลาดแรงงานสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรงลง ทั้งนี้ แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ จะยังทรงตัวในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2.0% ค่อนข้างมาก แต่ทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอลงประกอบกับตัวเลขยอดค้าปลีกและการใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแรงลงก็ช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ในด้านตลาดแรงงานเริ่มสูญเสียโมเมนตัมและกลับสู่จุดสมดุลมากขึ้น  ขณะที่ เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่าเฟดจะยังคงมีมุมมองระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงินในระยะต่อไป โดยเฟดคงจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างแรงกดดันเงินเฟ้อที่มีทิศทางทรงตัวในระดับสูงและความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอลงในระยะข้างหน้า
        ทั้งนี้ การประชุม FOMC ในรอบที่จะถึงนี้จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจและคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า (Fed Dot Plot) ซึ่งคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม โดยแม้ว่าตลาดส่วนใหญ่มองว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจปรับลดคาดการณ์ดอกเบี้ยปี 2567 ลงจากคาดการณ์ในรอบที่แล้วเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้ามีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงจากปีนี้ อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวในระดับสูงและตลาดแรงงานที่ยังคงค่อนข้างแข็งแกร่งแม้มีโมเมนตัมชะลอลง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเฟดจะยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังและไม่ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้ามากอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเฟดอาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอย่างเร็วสุดในช่วงไตรมาส 2/2567 ไปแล้ว เนื่องจากเฟดคงต้องการเห็นตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานชะลอลงมากกว่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มกลับสู่เป้าหมายและไม่กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง
        ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจังหวะการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ค่าเงินบาทของไทยมีแนวโน้มที่จะยังเผชิญความผันผวนต่อไปในระยะข้างหน้า โดยหากเฟดคงดอกเบี้ยนโยบายยาวนานกว่าคาด ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ฯ ได้

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


เศรษฐกิจต่างประเทศ