Display mode (Doesn't show in master page preview)

1 พฤศจิกายน 2567

เศรษฐกิจต่างประเทศ

ความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูงขึ้น หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ 5 พ.ย. นี้ (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 3532)

คะแนนเฉลี่ย

ความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูงขึ้น หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ 5 พ.ย. นี้

• การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. 2567 เป็นตัวแปรที่กำหนดทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ไม่ว่าพรรคใดจะชนะการเลือกตั้ง ทั้งสองพรรคมีแนวโน้มที่จะยังคงสานต่อนโยบายการกีดกันการค้ากับจีนแต่ในระดับที่ต่างกัน อีกทั้งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการขาดดุลทางการคลังตามนโยบายการใช้จ่ายทางการคลังและภาษีที่แตกต่างกันออกไป

• หากพรรครีพับลิกันนำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งและสามารถครองเสียงข้างมากทั้งสภาบนและสภาล่าง (Republican Sweep) มีความเสี่ยงที่สหรัฐฯ จะเผชิญกับ Stagflation ในระยะยาวจากมาตรการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้า มาตรการกีดกันแรงงานอพยพ และมาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลและครัวเรือน ที่คาดว่าจะส่งผลให้การขาดดุลการคลังเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ ค่าเงินดอลลาร์ฯ มีแนวโน้มแข็งค่าในระยะสั้น

• ขณะที่ หากพรรคเดโมแครตนำโดย คามาลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้งและสามารถครองเสียงข้างมากทั้งสภาบนและสภาล่าง (Democratic Sweep) เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยความเสี่ยงเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในระดับที่จัดการได้ และการขาดดุลการคลังคาดว่าจะไม่สูงเท่ากรณีแรก

• หากไม่มีพรรคไหนครองเสียงข้างมากได้ทั้งสองสภา (Split Congress or Divided Government): ความเสี่ยง stagflation ยังมีอยู่ หากโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2025 ยังไม่แน่นอน เนื่องจากนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายทางการคลังอาจต้องใช้เวลากว่าจะผ่านมติสภา

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม