เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2563 หดตัว 1.8% YoY หดตัวน้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ -4.0% YoY แม้ว่าภาคท่องเที่ยวจะเริ่มได้รับผลกระทบแต่การใช้จ่ายครัวเรือนยังสามารถขยายตัวได้ดี จากแรงหนุนของการซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่จำเป็นเพื่อรองรับการแพร่ระบาดของโรค ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ที่หดตัว 1.8%YoY มาจากปัจจัยลบหลายประการทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ภาวะภัยแล้ง และความล่าช้าของพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2563 ส่งผลให้แรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจไทยแทบทุกตัวหดตัวลง ยกเว้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ยังขยายตัวได้ 3.0%YOY ซึ่งก็เป็นผลมาจากปัจจัยชั่วคราวจากการซื้ออาหารและเครื่องดื่มที่จำเป็นก่อนการประกาศล็อกดาวน์ในเดือนเม.ย. ในขณะที่ทั้งปี 2563 ภาพรวมการใช้จ่ายครัวเรือนคาดว่าจะหดตัวที่ -1.5% ท่ามกลางภาวะการว่างงานที่เพิ่มขึ้นจากสถานประกอบการหยุดชั่วคราวในช่วงเดือนเม.ย. รวมถึงธุรกิจที่ทยอยปิดกิจการ ส่งผลต่อกำลังซื้อประชาชนและบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยที่ลดลง โดยเฉพาะสินค้าคงทน
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลายลงในไตรมาส 2/2563 และไม่มีการแพร่ระบาดซ้ำ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะยังไม่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้เร็ว เนื่องจาก แนวทางการดำเนินธุรกิจภายใต้เงื่อนไขการรักษาระยะห่างโดยเฉพาะในภาคบริการ จะทำให้ธุรกิจมีต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ในขณะที่รายรับถูกจำกัดด้วยทั้งกำลังซื้อของประชาชน รวมถึงเงื่อนไขการรักษาระยะห่าง นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดในต่างประเทศยังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยต้องหันกลับมาพึ่งพิงตลาดในประเทศในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก โดยมีมาตรการภาครัฐที่กำลังดำเนินการอยู่จะช่วยประคับประคองการดำรงชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้สามารถผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปได้ จากการประเมินภาพดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกจะหดตัวลึกกว่าการหดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยในไตรมาสที่ 2 จะหดตัวลึกที่สุดราว -10% ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2563 หดตัวราว -5.0% ทั้งนี้ หากไม่มีการระบาดที่รุนแรงอีกระลอก อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเทียบไตรมาสต่อไตรมาสในช่วงครึ่งปีหลังอาจเป็นบวกได้ เนื่องจากมีการปลดมาตรการล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศยังไม่กลับมาเป็นปกติดังเดิม ดังนั้น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอาจยังคงติดลบอยู่เล็กน้อย
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น