เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2563 หดตัวที่ -12.2% YoY ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดที่ -13.0% ถึง -17.0% YoY เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่พลิกกลับมาขยายตัวในไตรมาส 2/2563 ท่ามกลางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการช่วยเหลือเยียวยา 5,000 บาท ต่อเนื่อง 3 เดือน ในโครงการ 'เราไม่ทิ้งกัน' ที่มีการจ่ายเงินในช่วงไตรมาส 2/2563 ขณะที่อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ในไตรมาส 2/2563 ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำและงบประมาณรายจ่ายลงทุนก็สูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวได้ดี ส่งผลให้ภาคก่อสร้างยังคงขยายตัวได้ในไตรมาส 2/2563 ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะหดตัวลึกสุดในไตรมาส 2/2563 และทยอยหดตัวน้อยลงในช่วงที่เหลือของปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความไม่แน่นอนสูง จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น โดยความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ ก็มีความไม่แน่นอนสูง ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกยังไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่การพัฒนาวัคซีนแม้ว่าจะมีความคืบหน้าไปบ้าง แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนสูงและคาดว่าจะใช้ระยะเวลายาวนานกว่าจะสามารถผลิตออกมาใช้อย่างกว้างขวางได้ นอกจากนี้ ค่าเงินบาทยังมีทิศทางแข็งค่าตามแนวโน้มการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ประกอบกับเงินบาทที่แข็งค่าจะยังคงกดดันภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยต่อไปในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ ประเด็นทางการเมืองในประเทศยังคงมีความไม่แน่นอนและเป็นประเด็นที่ต้องคอยติดตาม ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินในเบื้องต้น เศรษฐกิจไทยในปี 2563 จะหดตัวมากกว่าคาดการณ์ที่ -6.0% YoY
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่แน่นอนดังกล่าว ภาครัฐจะมีมาตรการดูแลเศรษฐกิจต่างๆ เพิ่มเติมเพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทยที่ยังคงอ่อนแรง โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จะมีการแถลงข่าวในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมุ่งเน้นที่จะช่วยสนับสนุนการจ้างงาน และช่วยดูแลผู้ประกอบการ SME และผู้ประกอบการรายเล็ก (Micro SME) เป็นหลัก ซึ่งทางศูนย์วิจัยกสิกรไทย จะคอยติดตามมาตรการที่จะออกมาเพื่อนำไปประเมินอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะมีการปรับประมาณการใหม่
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น