สถานะล่าสุดของสงครามการค้าที่เริ่มโดยสหรัฐฯ ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติได้ในปี 2561 แม้ผลกระทบในปีนี้จะไม่มากนักจำกัดอยู่ที่ 280-420 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่แรงกดดันทางการค้าโลกในรูปแบบของนายโดนัลด์ ทรัมป์นี้จะคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่ยังครองตำแหน่งประธานาธิบดี โดยจุดสนใจครั้งนี้ยังคงอยู่ที่สงครามระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มเปิดฉากเก็บภาษีระหว่างกันรอบแรกไปแล้ว และมีสัญญาณว่าจะตอบโต้กันรุนแรงขึ้นอีกในรอบต่อๆ ไปอีก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2562 ผลกระทบจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ กับจีนจะเป็นรูปธรรมมากขึ้น และถ้าหากส่งผลยืดเยื้อถึงสิ้นปีจะกระทบการส่งออกของไทยไปตลาดโลกเป็นมูลค่าราว 2,400-2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.5-0.6 ของ GDP โดยธุรกิจไทยในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เหล็ก รถยนต์และส่วนประกอบที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามครั้งนี้ควรเตรียมรับมือกับสถานการณ์การดังกล่าว อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงอาจต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าภาคธุรกิจจะบริหารจัดการสถานการณ์ตรงหน้าเพื่อลดความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการหาตลาดใหม่ทดแทน หรือการโยกการส่งออกไปตามนักลงทุนที่ย้ายฐานการผลิตหลบเลี่ยงผลของสงครามการค้า แต่คงต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตในประเทศปลายทางด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น