ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจโน้มเอียงที่จะมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ลงอีกร้อยละ 0.25-0.50 จากร้อยละ 1.50 มาที่ร้อยละ 1.00-1.25 ในการประชุมวันที่ 28-29 ตุลาคม 2551 นี้ โดยแม้สภาวะตลาดเงินจะเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้น แต่สถานะทางด้านเครดิตที่ยังมีปัญหาและคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาอีกยาวนาน ตลอดจนความอ่อนไหวที่วิกฤตการเงินจะลุกลามไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงให้ตกไปอยู่ในภาวะถดถอยที่ลึกและรุนแรง คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดยังมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินและใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ไปในเชิงที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจการเงินในภาพรวมให้คืนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ขณะเดียวกัน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง ตามการปรับตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์
ก็น่าจะเอื้อให้เฟดและธนาคารกลางทั่วโลกมีความยืดหยุ่นมากขึ้นที่จะดำเนินนโยบายการเงินไปในแนวทางที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย ทั้งนี้ แม้ว่าประสิทธิผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุมรอบนี้ อาจจะไม่สามารถช่วยให้วิกฤตการเงินสิ้นสุดลงหรือทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯรอดพ้นจากภาวะถดถอยไปได้ แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯที่ลดลงดังกล่าว ก็น่าที่จะเป็นข่าวดีที่สนับสนุนบรรยากาศของตลาดในภาพรวม และมีผลในเชิงจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นอกจากนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่าทั้งเฟดและทางการสหรัฐฯ ตลอดจนประเทศต่างๆ ทั่วโลก คงจะยังมีการทยอยประกาศมาตรการกอบกู้วิกฤตการเงินออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับข่าวร้ายหรือปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น