ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ไว้ที่ร้อยละ 1.25 ตามเดิมในการประชุมรอบแรกของปีในวันที่ 13 มกราคม 2553 ท่ามกลางความเสี่ยงด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีน้ำหนักสำคัญ ขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อโดยเฉพาะจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังมีค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ คาดว่า กนง.คงเลือกที่จะรอติดตามการปรับตัวของเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยต่อไปอีกระยะหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายอัตราดอกเบี้ยเมื่อมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยสามารถฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า แม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอาจจะยังไม่เปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันใกล้นี้ แต่สถาบันการเงินต่างๆ อาจยังมีแนวโน้มที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินออมพิเศษที่ให้ผลตอบแทนจูงใจออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานลูกค้าและต่ออายุผลิตภัณฑ์เดิมที่กำลังทยอยสิ้นสุดอายุโครงการลง (ถึงแม้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นการทั่วไปของสถาบันการเงินอาจจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจเอกชนก็ตาม) ขณะเดียวกัน แรงกดดันเงินเฟ้อในประเทศที่มีแนวโน้มก่อตัวขึ้น กอปรกับการระดมเงินเพื่อใช้จ่ายของรัฐบาลภายใต้กรอบนโยบายงบประมาณขาดดุลและแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ก็อาจผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรโดยเฉพาะประเภทระยะยาวมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในระยะถัดไป อนึ่ง ภายใต้ภาวะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินมีแนวโน้มจะเปลี่ยนทิศทางไปสู่จังหวะของการปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตดังกล่าว โดยเฉพาะหากภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ภาคธุรกิจเอกชนคงจำเป็นที่จะต้องเตรียมการรับมือกับต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้าไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น