คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% ในการประชุมรอบแรกของปี 2557 (วันที่ 22 ม.ค. 2557) ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมืองที่เข้มข้นขึ้นต่อเนื่องจากช่วงท้ายปี 2556 กอปรกับเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมองว่า การตัดสินใจเชิงนโยบายของ กนง. ในระยะหลังจากนี้ จะเผชิญความท้าทายมากขึ้นในการพิจารณาระหว่างความจำเป็นในการใช้นโยบายการเงินเป็นกลไกหลักในการประคับประคองเศรษฐกิจ ท่ามกลางกลไกทางการคลังที่เผชิญข้อจำกัด กับเงื่อนไขต้นทุนด้านเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจในระยะยาว ทั้งนี้ แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะถัดไป คงจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่เข้ามากระทบเศรษฐกิจไทย เป็นสำคัญ
หากปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น ก็มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ กนง. จะให้น้ำหนักกับการรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ไม่ว่าจะเป็นในการประชุมฉุกเฉินหรือการประชุม กนง. รอบถัดไป เพื่อรองรับความเสี่ยงดังกล่าว และเป็นหลักประกันทางเศรษฐกิจ แม้ว่าอาจคาดหวังประสิทธิผลเชิงนโยบายได้ไม่ชัดเจนนักก็ตาม
อย่างไรก็ดี หากปัจจัยทางการเมืองและตัวแปรทางเศรษฐกิจไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่เงื่อนไขต้นทุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงเป็นประเด็นที่อยู่ในความกังวล ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อคาดการณ์เงินเฟ้อ ค่าเงินบาท ฟองสบู่ในสินทรัพย์เสี่ยง และหนี้ครัวเรือน ก็คาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25% อย่างต่อเนื่องอีกสักระยะ อันเป็นการรักษาวินัยทางการเงินและเสถียรภาพของระบบการเงินและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ก่อนที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนจุดยืนเชิงนโยบาย เมื่อข้อมูลเศรษฐกิจและการเมืองไทยในระยะข้างหน้ามีการเปลี่ยนแปลงไปในเชิงลบหรือบวกที่ชัดเจนมากขึ้น
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น