Display mode (Doesn't show in master page preview)

3 มีนาคม 2568

ตลาดการเงิน

กองทุน LTF เตรียมโยกเข้า Thai ESGX เร่งธุรกิจ Small Cap ปรับตัวรับเงินลงทุน (กระแสทรรศน์ ฉบับที่ 3564)

คะแนนเฉลี่ย

        การเปลี่ยนหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไปยังกองทุนใหม่ Thai ESGX    จะช่วยลดแรงกดดันต่อตลาดทุน หากกองทุน LTF ที่มูลค่าคงค้างในปัจจุบันราว 1.8 แสนล้านบาทถูกเทขาย
        การโอนย้ายหน่วยลงทุนมาอยู่ใน Thai ESGX และการขายกองทุน LTF เพื่อไปลงทุนในกองทุน Thai ESG นับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หากพิจารณาแค่จากวงเงินการลดหย่อนภาษีที่สูงและระยะเวลาถือครองที่สั้นกว่า                            
นักลงทุนใหม่ที่ไม่ได้ลงทุนในกองทุน LTF แต่ต้องการซื้อกองทุน Thai ESGX สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 3 แสนบาท โดยจะต้องซื้อหน่วยลงทุนภายในระยะเวลา 2 เดือน ในช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. ปีนี้
เมื่อพิจารณาเงื่อนไขกองทุนพบว่า กองทุน LTF ลงทุนในตลาดหุ้นเป็นสำคัญ โดยไม่คำนึงถึงหลักการ ESG เพื่อกระตุ้นตลาดทุนในประเทศเป็นสำคัญ ขณะที่กองทุน Thai ESGX ลงทุนในบริษัทที่ปฏิบัติตามหลัก ESG เป็นหลัก
        ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า 1) หุ้นและตราสารหนี้ของบริษัทที่ไม่ผ่าน ESG โดยเฉพาะบริษัทขนาดเล็ก (Small Cap) จำนวนมากมีความเสี่ยงที่จะถูกเทขาย และพลาดโอกาสในการรับเม็ดเงินลงทุนเพิ่มเติมจากมาตรการดังกล่าว แต่จะไม่กระทบภาพรวมของตลาดเงิน จากมูลค่าที่ค่อนข้างน้อย    ในปี 2567 มีบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ESG กว่า 695 บริษัท หรือ 75% ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด แต่คิดเป็นมูลค่าเพียง 18% ของมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด    2) เงินลงทุนจะไหลเข้าและกระจุกในบริษัทขนาดใหญ่ (Large Cap) ที่ผ่านมาตรฐาน ESG  ซึ่งมีเพียง 228 บริษัท หรือ 25% ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด แต่กลุ่มบริษัทดังกล่าวมีมูลค่าหลักทรัพย์รวมกันกว่า 82% ของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมด หรือ 14.87 ล้านล้านบาท   

        ดังนั้น ธุรกิจขนาดเล็กต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ESG เพื่อการระดมทุนและการลงทุนที่ยั่งยืนในอนาคต

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน