• ดัชนีหุ้นไทยผันผวนระหว่างสัปดาห์ แต่กลับมาปิดสูงขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย
SET Index เคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงแรก ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนหน้า หลังเจ้าหน้าที่เฟดระบุว่ายังมีพื้นที่ในการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม นอกจากนี้ รายงานข่าวเกี่ยวกับการเห็นชอบมาตรการ Thailand FastPass ของภาครัฐเพื่อเร่งรัดการลงทุนในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปและกลุ่มเทคโนโลยี ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวลงช่วงกลางสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวช่วงปลายปี รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจากเดิมที่มีความเปราะบางอยู่แล้ว ปัจจัยลบดังกล่าวกระตุ้นแรงเทขายทำกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มแบงก์ เทคโนโลยีและพลังงาน ทั้งนี้ แม้ดัชนีหุ้นไทยจะฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงท้ายสัปดาห์ หลังสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้เริ่มคลี่คลาย แต่ก็เป็นการฟื้นตัวได้เพียงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากยังคงขาดปัจจัยใหม่มากระตุ้น
• ในวันศุกร์ที่ 28 พ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,256.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.18% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 33,059.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.29% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.33% มาปิดที่ระดับ 214.32 จุด
• สัปดาห์ถัดไป (1-5 ธ.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,230 และ 1,215 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,265 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น จีน ยูโรโซนและอังกฤษ ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. (เบื้องต้น) ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของยูโรโซน
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น