o ในเดือนต.ค.68 ส่งออกจีนพลิกกลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือนอยู่ที่ -1.1%YoY จาก 8.3%YoY ในเดือนก.ย.68 ได้รับปัจจัยกดดันจากผลการเร่งส่งออกที่เริ่มชะลอลง ขณะที่การส่งออกไปสหรัฐฯ หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 อยู่ที่ -25.2%YoY และการส่งออกไปเกาหลีใต้หดตัว -13.1%YoY รวมถึงการส่งออกไปยุโรปโตชะลอตัวลงอยู่ที่ 0.9%YoY อย่างไรก็ดี การส่งออกมา ASEAN ยังเติบโตได้ดีอยู่ที่ 11.0%YoY นำโดยการส่งออกมาเวียดนามที่ยังขยายตัวอยู่ที่ 22.4%YoY และการส่งออกมาไทยที่เติบโตที่ 13.5%YoY ขณะที่การนำเข้าขยายตัวชะลอลงที่ 1.0%YoY จาก 7.4%YoY ในเดือนก.ย.68 ส่งผลให้จีนยังเกินดุลการค้าอยู่ที่ 90.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (รูปที่ 1)
o ใน 10 เดือนแรกของปี 2568 การส่งออกไปของจีนยังเติบโตได้ดีกว่าที่ประเมินเดิม การหดตัวของการส่งออกไปสหรัฐฯ ถูกชดเชยด้วยการส่งออกไปประเทศอื่น ๆ เพิ่มขึ้น เช่น อาเซียน โดยเฉพาะไทยและเวียดนาม (รูปที่ 2)
o การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ปรับลดภาษีระหว่างกัน โดยภาษีที่สหรัฐฯ เก็บจากจีนลดลงอยู่ที่ 47.6% จาก 57.6% จะทำให้ส่วนต่างระหว่างภาษีที่สหรัฐฯ เก็บจากจีน และประเทศในอาเซียนลดลง อย่างไรก็ตาม ผลบวกต่อการส่งออกจีนไปสหรัฐฯ คาดมีจำกัด โดยจีนมีแนวโน้มส่งออกสินค้ามายังประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอาเซียนเพื่อชดเชยผลกระทบจากการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่หดตัวลง เนื่องจากระดับภาษีที่ 47.6% ยังคงสูงกว่าอัตราภาษีที่สหรัฐฯ เก็บจากประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน (รูปที่ 3)
o นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าในกลุ่มสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่สหรัฐฯ ยกเว้น Reciprocal tariffs ให้กับจีนตั้งแต่ช่วงต้นปียังหดตัวลง แต่ส่งออกไปเวียดนาม และไทยเร่งตัวขึ้น
o ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า 2 เดือนที่เหลือของปี 2568 ส่งออกจีนไปสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มหดตัว ขณะที่การส่งออกรวมมีแนวโน้มเติบโตชะลอลงจากการเร่งส่งออกไปแล้วในช่วง 10เดือนแรกของปี ขณะที่การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนคาดลดแรงกดดันทางสงครามการค้าเพียงระยะสั้น แต่สงครามการค้ายังไม่สิ้นสุด ทิศทางการย้ายฐานการผลิต การหาตลาดใหม่ของธุรกิจคาดยังคงดำเนินต่อไป
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น