ภาษีทรัมป์เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยให้ชะลอลง จากสินค้าส่งออกไทยไปยังตลาดสหรัฐฯ ที่โดนอัตราภาษี Reciprocal tariff ที่ 19% ส่งสัญญาณขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง
o การส่งออกไทยเดือนต.ค. 2568 ยังขยายตัว แต่มีอัตราชะลอลงที่ 5.7%YoY ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ (รูปที่ 1)
• การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักของการส่งออกไทย โดยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงที่ 38.8%YoY (contribution to growth 6.9%) นำโดยการส่งออกคอมพิวเตอร์ (รวม HDDs) โทรศัพท์และส่วนประกอบ และแผงควบคุมไฟฟ้า เนื่องจากยังมีความต้องการในตลาดสหรัฐฯ ประกอบกับช่วงขาขึ้นของวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั้งนี้ หากหักสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์การส่งออกไทยจะหดตัวที่ -1.5% YoY
• อย่างไรก็ดี การส่งออกทองคำหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ -76.9%YoY (contribution to growth -6.3%) เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือนต.ค. 2568 ซึ่งกระทบต่อส่วนต่างกำไรของผู้ส่งออก และทำให้ผู้ประกอบการชะลอการส่งออกทองคำ
• การส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวอยู่ที่ 32.9%YoY ในเดือนต.ค. 2568 ยังหนุนภาพรวมการส่งออกไทย ถึงแม้ว่าได้มีการบังคับใช้ภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ไปแล้ว เนื่องจาก (รูปที่ 2)
1) การส่งออกสินค้าหลายรายการหลักยังได้รับการยกเว้นภาษีจากสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างมากราว 35% ของการส่งออกไปสหรัฐฯ ทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ส่งผลให้การส่งออกในเดือนครึ่งปีหลัง (เดือนก.ค.-ต.ค. 2568) ยังเร่งตัวจากครึ่งปีแรก
2) การส่งออกสินค้าภายใต้มาตรา 232 ซึ่งมีสัดส่วนราว 25% ของการส่งออกไปสหรัฐฯ ทั้งหมด หลักๆ มาจากการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากต้นทุนของไทยยังอยู่ในระดับที่ยังพอแข่งขันได้ ประกอบกับบางรายการได้รับสิทธิ์จากมาตรการคืนเงินชดเชยภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ของสหรัฐฯ ในขณะที่ ผลิตภัณฑ์ไม้ และเฟอร์นิเจอร์ เพิ่งถูกจัดเก็บภาษีภายใต้มาตรา 232 ในช่วงกลางเดือนต.ค. 2568 จึงยังอาจไม่เห็นผลกระทบชัดเจน
3) การส่งออกสินค้าที่ถูกจัดเก็บภาษี Reciprocal tariff ซึ่งมีสัดส่วนราว 40% ของการส่งออกไปสหรัฐฯ ทั้งหมด ส่งสัญญาณชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่โดยรวมที่ยังคงขยายตัวได้ เนื่องจากความได้เปรียบในการแข่งขันด้านราคาเมื่อเทียบกับจีนหลังสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้า เช่น เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น
o ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงประมาณการภาพรวมการส่งออกไทยขยายตัวที่ 11.0% ในปี 2568 โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี การส่งออกไทยคาดว่าจะขยายตัวในอัตราชะลอลงตามผลกระทบจากภาษีทรัมป์ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ในขณะที่การนำเข้ารวมคาดว่าขยายตัวอยู่ที่ 10.3% ในปี 2568 ถึงแม้ว่าการนำเข้าเดือนต.ค. 2568 จะขยายตัวเร่งขึ้นที่ 16.3%YoY โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการนำเข้าทองคำที่ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน สูงถึง 315%YoY แต่หากหักทองคำการนำเข้าไทยจะขยายตัวเพียง 4.3%YoY (รูปที่ 3) อย่างไรก็ดี การนำเข้าทองคำในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะชะลอลงเนื่องจากปัจจัยฐานที่สูงในปี 2567 นอกจากนี้ การนำเข้ายังมีปัจจัยสนับสนุนจากสินค้าทุนและวัตถุดิบที่ขยายตัวตามการส่งออกที่เพิ่มขึ้น แต่ในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะชะลอตัวตามการส่งออก
o ในปี 2569 การส่งออกไทยมีความเสี่ยงอาจเผชิญการหดตัวที่ -1.2% จากแรงกดดันของฐานที่สูงจากการเร่งส่งออก (Front load) ในปี 2568 รวมถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้มาตรา 232 ที่มีแนวโน้มครอบคลุมสินค้ากว้างขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึง การฟื้นตัวของการส่งออกยังมีแนวโน้มจำกัดจากอุปสงค์โลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามความไม่แน่นอนของคำวินิจฉัยจากศาลฎีกาสหรัฐฯ เกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของการใช้กฎหมายฉุกเฉิน (IEEPA) เพื่อออกมาตรการภาษี ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวนโยบายการค้าในระยะถัดไป ขณะที่ การนำเข้าในปี 2569 มีแนวโน้มเผชิญความเสี่ยงที่จะการหดตัวที่ -0.8% สอดคล้องกับการส่งออกที่ลดลง
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น