Display mode (Doesn't show in master page preview)

6 พฤศจิกายน 2568

Econ Digest

ส่งออกเครื่องซักผ้าของไทยไปสหรัฐฯ คาดจะหดตัว 6% ในปี 2568 จากภาษีทรัมป์

คะแนนเฉลี่ย
  • ปริมาณการนำเข้าเครื่องซักผ้าของสหรัฐฯ จากประเทศคู่ค้าลดลง โดยเฉพาะในช่วง เมษายน–กรกฎาคม 2568 สะท้อนผลกระทบจากมาตรการภาษี และแนวโน้มที่ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่ผลิตภายในประเทศแทน 
  • มูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้าของไทยไปยังสหรัฐฯ ในปี 2568 คาดว่าจะหดตัวราว 6% จากแรงกดดันของมาตรการภาษีศุลกากรตอบแทน (Reciprocal Tariff) ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้การนำเข้าเครื่องซักผ้าจากต่างประเทศหดตัวลง
สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกสำคัญของเครื่องซักผ้าไทย
        ปัจจุบันไทยอยู่ในอันดับ 3 ของผู้ส่งออกเครื่องซักผ้าไปสหรัฐฯ รองจากเม็กซิโกและจีน ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ยังถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย มีสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้า โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกเครื่องซักผ้าไปสหรัฐฯ คิดเป็น 23% ของมูลค่าส่งออกเครื่องซักผ้าจากไทยไปตลาดโลก (รูปที่ 1) และเกือบทั้งหมดเป็นเครื่องซักผ้า ความจุมากกว่า 10 กก. (รูปที่ 2)
 
        เมื่อพิจารณาเฉพาะเครื่องซักผ้าที่มีความจุมากกว่า 10 กก. ซึ่งเป็นประเภทหลักที่ไทยส่งออก จะพบว่าสหรัฐฯ นำเข้าจากไทยมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของการมูลค่านำเข้าทั้งหมด (รูปที่ 3) นอกจากนี้ กว่า 96% ของเครื่องซักผ้าความจุมากกว่า 10 กก. ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เป็นเครื่องซักผ้าฝาบน  โดยมีคู่แข่งอย่าง เม็กซิโก และ จีน (รูปที่ 4) ขณะที่ประเทศคู่แข่งส่วนใหญ่เน้นส่งออกเครื่องซักผ้าฝาหน้า  ไปสหรัฐฯ เป็นหลัก  
 
หลังขึ้นภาษี ไทยยังคงได้เปรียบในการส่งออกเครื่องซักผ้าฝาบนไปสหรัฐฯ 
        การจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบแทน (Reciprocal Tariff) จากไทยในอัตรา 19% รวมถึงภาษีส่วนประกอบเหล็กในอัตรา 50% ภายใต้  Section 232  ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกเครื่องซักผ้า ความจุมากกว่า 10 กก. จากไทยไปสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้ไทยมีแนวโน้มเสียเปรียบด้านการแข่งขันเมื่อเทียบกับเม็กซิโก (ภายใต้กรอบ USMCA) และเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงได้เปรียบทางภาษีเมื่อเทียบกับ จีน และ เวียดนาม (ตารางที่ 1)
        โดยภาพรวม ราคานำเข้าเครื่องซักผ้าฝาบน ความจุมากกว่า 10 กก. จากไทยไปยังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราภาษีนำเข้าใหม่ (รูปที่ 5) ไทยยังคงสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ดี ในการส่งออก เครื่องซักผ้าฝาบน ความจุมากกว่า 10 กก. เนื่องจากราคานำเข้าหลังรวมภาษีของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่ง ทั้งก่อนและหลังการปรับขึ้นภาษี 

การนำเข้าเครื่องซักผ้าจากต่างประเทศลดลง
        มาตรการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบแทน (Reciprocal Tariff) ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้ปริมาณการนำเข้าเครื่องซักผ้าจากต่างประเทศลดลงอย่างชัดเจน (รูปที่ 6) โดยเฉพาะในช่วงเดือน เมษายน ถึง กรกฎาคม แม้แต่การนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีตามข้อตกลง USMCA ก็ยังหดตัวลงในช่วงหลังการขึ้นภาษีเช่นเดียวกับไทย สะท้อนแรงกดดันจากมาตรการภาษีที่ส่งผลต่อการนำเข้าเครื่องซักผ้าโดยรวม
        ในอีกด้านหนึ่ง ยอดขายของร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในสหรัฐฯ ยังคงทรงตัวได้ในช่วงเดือนเมษายน ถึง กรกฎาคม (รูปที่ 7) สะท้อนให้เห็นว่า แม้การนำเข้าจะลดลง แต่ยอดขายภายในประเทศยังคงทรงตัวอยู่ ซึ่งอาจเป็นผลจากผู้บริโภคที่หันไปเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่ผลิตภายในประเทศแทนเครื่องซักผ้านำเข้า  ทั้งนี้ แนวโน้มดังกล่าวอาจจะเป็นแรงกดดันต่อการส่งออกเครื่องซักผ้าของไทยในระยะข้างหน้า 
        ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มูลค่าการส่งออกเครื่องซักผ้าของไทยไปยังสหรัฐฯ ในปี 2568 คาดว่าจะหดตัวราว 6% หรือราว 296 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากมาตรการจัดเก็บภาษี Reciprocal Tariff ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งส่งผลให้การนำเข้าหดตัวลง

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest