Display mode (Doesn't show in master page preview)

6 มิถุนายน 2568

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 2-6 มิ.ย. 68)

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

  • เงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยท้ายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวบางส่วนรับข่าวการหารือระหว่างปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และปธน. สี จิ้นผิงของจีน ทั้งนี้เงินบาททยอยแข็งค่าในช่วงแรกสอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับขึ้นไปทดสอบแนว 3,400 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ ประกอบกับน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากแรงซื้อพันธบัตรไทยของต่างชาติในช่วงกลางสัปดาห์ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (อาทิ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนพ.ค. ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากการที่ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงแสดงท่าทีเรียกร้องให้ประธานเฟดรีบปรับลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นรับข่าวปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และปธน. สี จิ้นผิงของจีน มีการหารือและเห็นพ้องกันว่าต้องมีการเจรจาเพิ่มเติมในประเด็นทางการค้า
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ และจีน เชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/2568 ของญี่ปุ่น และตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค. ของจีน


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • ดัชนีหุ้นไทยปิดลบตามแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติ หลังไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ทั้งนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงกลางสัปดาห์ซึ่งเป็นวันทำการแรกหลังหยุดยาว โดยเผชิญแรงกดดันหลัก ๆ จากแรงขายหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับปรุงการคำนวณดัชนีของตลท. โดยจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี SET50, SET50FF, SET100 SET100FF มีน้ำหนักไม่เกิน 10% เพื่อลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ต่อดัชนี ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนก.ค. 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้แรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานก็มีส่วนกดดันดัชนีหุ้นไทยด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมา ก่อนจะปรับตัวลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ แม้จะมีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนก็ตาม เนื่องจากไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ประกอบกับมีแรงกดดันจากแรงขายหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งและบริษัทด้านการกลั่นน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่งจากประเด็นน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล  
  • สัปดาห์ที่ 9-13 มิ.ย. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,115 และ 1,100 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ และจีน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลการส่งออกเดือนพ.ค. ของจีน

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น