Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 พฤศจิกายน 2568

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 3-7 พ.ย. 68)

คะแนนเฉลี่ย
สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท 

• เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ก่อนจะฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาท้ายสัปดาห์ตามทิศทางทองคำตลาดโลกและกระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทย ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ เนื่องจากตลาดทยอยปรับลดโอกาสความเป็นไปได้ (Probability) ของการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. ลง ประกอบกับมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ เดือนต.ค. ที่ออกมาดีกว่าที่คาด อย่างไรก็ดี แรงหนุนเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจ เนื่องจากภาวะชัตดาวน์ที่ยาวนานของสหรัฐฯ ประกอบกับมีความไม่แน่นอนในประเด็นความชอบด้วยกฎหมายของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก (ศาลฎีกาสหรัฐฯ ยังไม่ประกาศคำตัดสินและกระบวนการพิจารณาอาจต้องดำเนินต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า) ขณะที่ เงินบาทพลิกแข็งค่ากลับมาตามแรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติ และการปรับตัวกลับมายืนเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ของราคาทองคำในตลาดโลก 
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 10-14 พ.ย. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.10-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก สถานการณ์การชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของยูโรโซน และเครื่องชี้เศรษฐกิจจีนเดือนต.ค. (อาทิ ยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก) 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย 

• ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน ก่อนจะย่อตัวลงช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ทั้งนี้ SET Index แกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงหลุดแนว 1,300 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีจากความกังวลเรื่องผลประกอบการ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยยังสอดคล้องกับภาพรวมตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ประกอบกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ที่ยังคงยืดเยื้อและทำสถิติยาวนานสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้งในเวลาต่อมา นำโดย หุ้นกลุ่มสื่อสารจากผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ที่ออกมาดีกว่าที่คาด ดัชนีหุ้นไทยกลับมาย่อตัวลงอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังตลาดกลับมากังวลประเด็นภาวะฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อีกครั้ง ประกอบกับไร้ปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามากระตุ้น ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นรายตัว นำโดย กลุ่มแบงก์และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 
• สัปดาห์ที่ 10-14 พ.ย. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,285 และ 1,260 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,330 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ของอังกฤษและยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค.ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น