สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
• เงินบาทแข็งค่าผ่านระดับ 31.60 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในกรอบเกือบ 4 ปีครึ่ง (นับตั้งแต่ 22 มิ.ย. 2564) ที่ 31.55 บาทต่อดอลลาร์ฯ สอดคล้องกับทิศทางแข็งค่าของสกุลเงินเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังท่าทีจากประธานเฟดสะท้อนความกังวลต่อสัญญาณอ่อนแอของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในปี 2569 ต่อเนื่องจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาที่กรอบ 3.50-3.75% ในการประชุม FOMC เมื่อวันที่ 9-10 ธ.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินบาทยังมีปัจจัยบวกจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกในระหว่างสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 15-19 ธ.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.40-32.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (17 ธ.ค.) BOE (18 ธ.ค.), ECB (18 ธค), และ BOJ (18-19 ธ.ค.) ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ปัจจัยการเมืองในประเทศ สถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ข้อมูลตลาดแรงงานและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซน และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวอิงขาลงจากความกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่ ต่างชาติกลับมาขายสุทธิหุ้นไทยอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ SET Index ปรับตัวลงช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรออกมา นำโดย หุ้นกลุ่มแบงก์และหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่ง ดัชนีหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมาได้ในเวลาต่อมาก่อนวันหยุดของตลาดในประเทศ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นบริษัทผู้ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงอีกครั้งสอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังทราบผลการประชุมเฟด โดยแม้เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายตามคาด แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป นอกจากนี้ มาตรการส่งเสริมการออมระยะยาว (TISA) ของกระทรวงการคลังก็ยังไม่มีข้อสรุป ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบแคบช่วงท้ายสัปดาห์ โดยแม้จะมีแรงหนุนจากตลาดหุ้นภูมิภาคที่ปรับขึ้นโดยภาพรวม แต่ข่าวการประกาศยุบสภารวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลายก็ส่งผลให้นักลงทุนมีความระมัดระวังในการลงทุน
• สัปดาห์ที่ 15-19 ธ.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,245 และ 1,230 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,285 และ 1,305 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. ECB, BOE และ BOJ ประเด็นการเมืองในประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนธ.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย. ของยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น