สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
• เงินบาทอ่อนค่าลง ตลาดยังรอสัญญาณดอกเบี้ยจากประธานเฟด ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินอื่นในเอเชีย สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าตามการปรับตัวขึ้นตามบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลัง CME's FedWatch tool สะท้อนโอกาสความเป็นไปได้ (Probability) ที่จะเห็นเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. เพียง 70% ซึ่งต่ำกว่าก่อนหน้านี้ที่ Probability เกือบเต็ม 100% หลังตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาทิ PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนส.ค. และข้อมูลยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. ออกมาดีกว่าที่คาด แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ยังชะลอลงตามการปรับโพสิชั่นในช่วงที่ตลาดรอสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากประธานเฟดในงานสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ขณะที่ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ การปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกในระหว่างสัปดาห์ และปัจจัยทางการเมืองในประเทศ ก็เป็นปัจจัยลบที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.10-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนก.ค. ของไทย ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก ดัชนีราคา PCE/Core PCE เดือนก.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของสหรัฐฯ ตลอดจนถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด
สรุป
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวน แต่ปิดลบเล็กน้อยจากสัปดาห์ก่อน ทั้งนี้ดัชนี SET Index ร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์หลังสิ้นสุดช่วงประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ประกอบกับนักลงทุนกลับมากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงขายต่อเนื่องในหุ้นบริษัทสายการบินรายใหญ่แห่งหนึ่งที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงก่อนหน้านี้ ตลอดจนหุ้นบริษัทสื่อสารรายใหญ่แห่งหนึ่งจากการขึ้นเครื่องหมาย XD และหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ (นำโดย หุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการที่รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศให้บริษัทปิโตรเคมีปรับลดกำลังการผลิตลง) และขยับขึ้นอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นการเมืองในประเทศ หลังศาลอาญายกฟ้องอดีตนายกรัฐมนตรี แม้ยังคงต้องติดตามประเด็นการเมืองอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แรงซื้อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็มีส่วนช่วยหนุนดัชนีหุ้นไทยในช่วงท้ายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน
• สัปดาห์ที่ 25-29 ส.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,240 และ 1,215 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,260 และ 1,285 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขส่งออกเดือนก.ค. ของไทย ประเด็นการเมืองในประเทศ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนก.ค. และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของสหรัฐฯ ตลอดจนกำไรบริษัทภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. ของจีน
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น