Display mode (Doesn't show in master page preview)

26 เมษายน 2567

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 22-26 เม.ย. 67)

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

  • เงินบาททำสถิติอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนครึ่งที่ 37.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนฟื้นตัวแข็งค่ากลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงแรกตามการร่วงลงของราคาทองคำในตลาดโลก ตลอดจนการอ่อนค่าของเงินเยนและเงินหยวน ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า เฟดอาจไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังจากที่ข้อมูลเบื้องต้นของดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงมาที่ 50.9 ในเดือนเม.ย. (ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้) ประกอบกับเงินบาทมีแรงหนุนเพิ่มเติมในช่วงท้ายสัปดาห์จากการดีดตัวกลับขึ้นอีกครั้งของราคาทองคำในตลาดโลก  อนึ่ง สกุลเงินในฝั่งเอเชียผันผวนในกรอบอ่อนค่าในช่วงปลายสัปดาห์ นำโดย เงินเยน ซึ่งทำสถิติอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2533 หลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นคงดอกเบี้ยนโยบายและการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นไว้ตามเดิม
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 29 เม.ย. – 3 พ.ค. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 36.70-37.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC (30 เม.ย.-1 พ.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขการส่งออกไทยเดือนมี.ค. การเคลื่อนไหวของค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ข้อมูลตลาดแรงานเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย. ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 อัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของยูโรโซน

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • ดัชนีหุ้นไทยปิดบวกหลังร่วงลงแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งนี้หุ้นไทยทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อหลักๆจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ส่งผลให้มีแรงซื้อคืนหุ้นหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มแบงก์ซึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ออกมาค่อนข้างดี กลุ่มไฟแนนซ์ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ตลอดจนกลุ่มโรงพยาบาล หลังผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่แห่งหนึ่งรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ดีกว่าคาด อย่างไรก็ดีกรอบการปรับขึ้นของหุ้นไทยเริ่มจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ หลังจากขยับขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการและตอบรับปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว โดยจุดสนใจของตลาดยังอยู่ที่การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/267 ของบจ. ไทยรวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่วัดจากดัชนี PCE/Core Price Index เดือนมี.ค.ของสหรัฐฯ
  • สัปดาห์ที่ 29 เม.ย. – 3 พ.ค. เม.ย. 2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,350 และ 1,335 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,370 และ 1,385 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (30 เม.ย.-1 พ.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ของบจ.ไทย ข้อมูลตลาดแรงานเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2567 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น