Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 มิถุนายน 2567

Econ Digest

เงินเฟ้อเดือนพ.ค. 2567 บวก 1.54% YoY สูงสุดในรอบ 13 เดือน ช่วงที่เหลือของปี 67 คาดเงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของกนง.

คะแนนเฉลี่ย

​         เงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือนพ.ค. 2567 บวก 1.54% YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยเป็นผลมาจาก

  • หมวดค่าไฟที่เพิ่มขึ้น จากผลของฐานราคาที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าตามมาตรการช่วยเหลือลดค่าไฟของภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยชั่วคราว
  • ราคาน้ำมันในประเทศมีการปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกประกอบกับมีการทยอยปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ
  • ราคาผักผลไม้สดและไข่ไก่ปรับสูงขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดส่งผลให้มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง
  • หากหักราคาอาหารสดและพลังงานออก เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนพ.ค. 2567 ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าโดยอยู่ที่ 0.39% YoY สะท้อนว่าการปรับขึ้นของเงินเฟ้อเป็นผลจากราคาพลังงานและสินค้าเกษตรเป็นหลัก ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากอุปสงค์ในประเทศยังมีจำกัด
  • ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ -0.13% YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยของไทยอยู่ที่ 0.42% YoY


         ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมองเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงที่เหลือของปีกลับสู่กรอบเป้าหมายของกนง. ที่ 1-3% โดยยังคงประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยปี 2567 ที่ 0.8% ทั้งนี้ คาดว่าเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย. จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนพ.ค. เนื่องจากผลจากฐานต่ำของค่าไฟคงลดลง ประกอบกับมีการตรึงค่าไฟต่อเนื่องที่ 4.18 บาท/ หน่วยในเดือนพ.ค.-ส.ค. นอกจากนี้ ราคาผักผลไม้มีแนวโน้มปรับลดลงหลังสิ้นสุดสภาพอากาศร้อนจัดและเข้าสู่ฤดูฝน ขณะที่เมื่อมองไปในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 1.0% ในไตรมาส 3/2567 และอาจเร่งตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ราว 2.0% ในไตรมาส 4/2567 ตามปัจจัยฐานต่ำในปีก่อนหน้า ประกอบกับภาครัฐมีการทยอยลอยตัวราคาพลังงานในประเทศท่ามกลางภาระหนี้กองทุนน้ำมันและกฟผ. ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้แรงกดดันให้กนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายคงจะมีน้อยลง

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น