ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ความสนใจหลักๆ ของตลาดในประเทศน่าจะอยู่ที่การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ต่อรัฐสภา ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป แผน Brexit ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ รวมถึงประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
เงินบาทตลาดในประเทศทรงตัวในกรอบที่อ่อนค่า (24 ก.ค.)
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อสถานการณ์การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
ส่วนเช้าวันนี้ (25 ก.ค.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับ 30.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเล็กน้อย
โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล
ตลาดหุ้นต่างประเทศโดยรวมปิดบวก โดยรายงานข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าในประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ยังช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขาย ขณะที่
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ปิดปะปน โดย
DJIA
ถูกกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของโบอิ้งและแคทเธอร์พิลลาร์ ส่วน
NASDAQ
ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพ
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันที่อาจลดลงตามภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ส่วนราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการคาดการณ์ว่า
สหรัฐฯ และยุโรปจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น