จากเหตุอุทกภัยครั้งร้ายแรงสุดที่สงขลา ซึ่งหนักมากต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน และในอีกหลายจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี นราธิวาส ปัตตานี ตรัง สตูล ยะลา ได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนรวมแล้วราว 8 แสนครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4 แสนไร่ กระทั่งปัจจุบัน สถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย และไปข้างหน้าก็ยังมีความเสี่ยงที่ปริมาณน้ำฝนและน้ำท่าอาจจะยังมากอยู่
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินผลกระทบเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรก ผลกระทบทันทีจากการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งพอจะประมาณได้ ส่วนที่สองจากความเสียหายต่อสินทรัพย์ ซึ่งซับซ้อนกว่า เพราะความเสียหายอาจทยอยรับรู้ในอนาคตโดยหลายภาคส่วน นอกเหนือไปจากครัวเรือน เช่น รัฐบาล สถาบันการเงิน คู่ค้า ฯลฯ
- สำหรับส่วนแรกนั้น ผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเบื้องต้นอาจคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาทในกรอบเวลา 1 เดือน หรือราว 0.13% ของขนาดเศรษฐกิจประเทศไทย (Nominal GDP) บนสมมติฐานเหตุการณ์รุนแรงในช่วง 10-15 วันแรก และความรุนแรงทยอยลดระดับลงในอีก 10-15 วันถัดมา โดยผลกระทบหลักอยู่ที่จังหวัดสงขลา ซึ่งช่วงแรกประสบภัยในแทบทุกพื้นที่
- โดยหลักๆ จะมาจากการหยุดชะงักลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคบริการ (สถานที่พักแรม ร้านอาหาร ค้าปลีก ขนส่ง เป็นต้น) และการผลิตอุตสาหกรรม (เช่น เกษตรและอาหารแปรรูป) ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 56% และ 18% ตามลำดับในจังหวัดสงขลา รวมไปถึงการหยุดให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างไฟฟ้าและประปา (สัดส่วนกว่า 3%) ขณะที่ เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงปลายปีที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจมักจะคึกคักขึ้นตามปัจจัยด้านฤดูกาลของการท่องเที่ยว อีกทั้งอยู่ในช่วงที่ไทยกำลังจะเป็นเจ้าภาพงานกีฬาซีเกมส์ 9-20 ธันวาคม 2568 และสงขลาเป็นหนึ่งในสถานที่จัดการแข่งขันหลายประเภทกีฬา นอกจากนี้ ความเสียหายส่วนที่เหลือของสงขลาและในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ผลกระทบจะเป็นภาคเกษตร ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงพื้นที่เลี้ยงสัตว์น้ำหรือประมง
- เมื่ออุทกภัยทยอยคลี่คลาย ผู้ประสบภัยจะได้รับผลกระทบจากการจัดการความเสียหายของสินทรัพย์เพิ่มเติม เช่น อาคาร รถยนต์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งการรับรู้ผลกระทบในส่วนที่สองนี้ ทั้งการซ่อมแซม/ฟื้นฟู/ซื้อใหม่ คงจะทยอยใช้เวลา และยังต้องขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เงินออมและความสามารถในการหารายได้ของแต่ละครัวเรือน ภาวะเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือจากเจ้าหนี้และคู่ค้าต่างๆ ซึ่งรวมถึงสถาบันการเงิน ตลอดจนมาตรการจากภาครัฐ
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น