Display mode (Doesn't show in master page preview)

7 ตุลาคม 2568

Econ Digest

GDP เวียดนามไตรมาสที่ 3/2025 เติบโตเร่งขึ้นที่ 8.23%YoY การส่งออกยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้เผชิญภาษีสหรัฐฯ

คะแนนเฉลี่ย
  • เศรษฐกิจเวียดนามไตรมาสที่ 3/2025 เติบโตเร่งขึ้นที่ 8.23%YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนภาครัฐ การใช้จ่ายในประเทศ และการส่งออก แม้จะเริ่มได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 20% (มีผล 7 ส.ค.) (รูปที่ 1 และ 2) 
  • การลงทุนภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนหลักสำหรับเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 3 โดยเติบโตเร่งขึ้นมาที่ 35.2%YoY จาก 27.5%YoY ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นผลจากการเร่งเบิกจ่ายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ สนามบินนานาชาติ Long Thanh และทางหลวงเชื่อมเวียดนามเหนือ-ใต้ (North-South Expressway) 
  • การส่งออกยังขยายตัวต่อเนื่อง แม้เผชิญภาษีสหรัฐฯ โดยมูลค่าส่งออกไตรมาสที่ 3 เติบโตที่ 18.4%YoY ใกล้เคียงกับ 18.1%YoY ในไตรมาสที่ 2 ทั้งนี้ การส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ เติบโตที่ 22.1%YoY ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีแม้จะชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 2 เนื่องจากได้รับผลกระทบการภาษีนำเข้าสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น (รูปที่ 3) 
  • การใช้จ่ายในประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง โดยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10.3%YoY ในไตรมาสที่ 3 สะท้อนกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวเวียดนาม นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนเวียดนามเติบโตถึง 21.5%YoY ในช่วง ม.ค.-ก.ย. 2025 (รูปที่ 4) และทำให้ธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง 
  • เศรษฐกิจเวียดนามในช่วงที่เหลือของปี 2025 คาดว่าจะเติบโตชะลอลงจาก 9 เดือนแรกที่ 7.85%YoY จากผลกระทบของไต้ฝุ่นบัวลอยที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน อาทิ บ้านเรือน พื้นที่เพาะปลูก และสาธารณูปโภค รวมมูลค่าประมาณ 15.9 ล้านล้านดอง (600 ล้านดอลลาร์ฯ หรือ 0.14% ของ GDP เวียดนาม) นอกจากนี้ การส่งออกมีแนวโน้มชะลอลงจากภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ และปัจจัยฐานสูงในไตรมาสที่ 4 ของปีก่อน 
  • ทั้งปี 2025 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาดการณ์เดิมมาอยู่ที่ 7.5% จาก 6.7% จากตัวเลขเศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาสที่ 3 ที่ดีกว่าคาดมาก ซึ่งเป็นผลจากการเร่งตัวขึ้นของการลงทุนภาครัฐ และการส่งออกไปสหรัฐฯที่ดีกว่าคาด 
  • Doi Moi 2.0 มองว่าจะเป็นปัจจัยหลักหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในระยะ 3-5 ปี ข้างหน้า ทั้งนี้ Doi Moi 2.0 คือการปฏิรูประบบราชการเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 
  • ลดต้นทุนทางธุรกิจเพื่อกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน โดยการลดขนาดของระบบราชการลง 30% ผ่านการควบรวมกระทรวงและกรมต่าง ๆ ทำให้ลดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อนลดลงไปมาก เพื่อจะได้เร่งการอนุมัติโครงการที่ค้างรอการอนุมัติทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายใน 4-8 ไตรมาสข้างหน้า 
  • ยกบทบาทของภาคเอกชนให้เป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยตั้งเป้าจะสร้างบริษัทเอกชนขนาดใหญ่อย่างน้อย 20 บริษัท เพื่อให้บริษัทเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่มูลค่าโลก (Global value chain) ในอุตสาหกรรมไฮเทค 
  • ภาครัฐบริหารทรัพยากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยเร่งการลงทุนภาครัฐ การลดขนาดของระบบราชการจะทำให้สามารถจัดสรรงบประมาณไปเพิ่มการลงทุนภาครัฐ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม 

        รัฐบาลเวียดนามวางแผนจะลงทุน 250 โครงการทั่วประเทศมูลค่า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 10% ของ GDP เวียดนาม) ในช่วงปี 2025-2030 เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตเร่งขึ้นอีก 1-2% ในระยะข้างหน้า 

  • อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเวียดนามยังเผชิญปัจจัยเสี่ยงอยู่หลายปัจจัย ได้แก่ 
  • ความเสี่ยงจากนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐ อาทิ การเก็บภาษีนำเข้าเป็นรายสินค้าเพิ่มเติม (เช่น เซมิคอนดักเตอร์) หรือเกณฑ์การประเมินสินค้าสวมสิทธิ์ส่งออกไปยังสหรัฐฯ (transshipped goods) ที่เข้มงวดขึ้น อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจเวียดนาม 
  • ทิศทางการอ่อนค่าของเงินดอง ซึ่งสวนทางกับทิศทางของค่าเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาค (รูปที่ 5) ทั้งนี้ เวียดนามเผชิญกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 
  • ปัญหาเสียในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยสัดส่วน NPL อยู่ที่ระดับ 4.85% ณ สิ้นปี 2024 (IMF: Financial Soundness Indicators) และยังไม่มีการประกาศข้อมูลสัดส่วน NPL ในปีนี้ ทั้งนี้ หนี้เสียในระบบธนาคารเวียดนามมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายปี 2022

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น