การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงรุนแรงและกระจายเป็นวงกว้างทั่วโลก หลังจากยอดผู้ติดเชื้อนอกจีน โดยเฉพาะในเกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเนื่องจากการแพร่ระบาดนอกจีนมีระดับความรุนแรงและมีแนวโน้มลากยาวไปมากกว่าไตรมาสแรก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงไทย เพื่อใช้เป็นสมมติฐานในการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2563 ดังนี้ 1. จีนสามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อได้ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้า 2. ประเทศอื่นที่มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วสามารถควบคุมได้ภายในไตรมาสสอง 3. จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น
ภายใต้สมมติฐานข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยปี 2563 จากเดิม 2.7% ลงมาอยู่ที่ 0.5% โดยได้คำนึงถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ภาครัฐอาจนำมาใช้เพื่อเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้ว ซึ่งการใช้จ่ายภาครัฐน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยประคองเศรษฐกิจไทยปีนี้ ทั้งนี้ การท่องเที่ยวและการส่งออกน่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดมากสุด โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยน่าจะหดตัวลึกในช่วงครึ่งปีแรก และทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ไทยสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นมูลค่าราว 4 แสนล้านบาทในปีนี้ ขณะที่การส่งออกน่าจะหดตัวถึง (-)5.6% นอกจากนี้ การแพร่ระบาดยังบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุนและผู้บริโภคในไทย ทำให้การบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มชะลอลงเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 0.5% จะเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วิกฤติซับไพรม์ในปี 2552 อีกทั้ง ไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค แต่สถานการณ์ครั้งนี้เกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติ ไม่ใช่ปัจจัยทางโครงสร้างเช่นในปี 2540 ดังนั้น เศรษฐกิจไทยน่าจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยถ้าการแพร่ระบาดเป็นไปตามสมมติฐาน เศรษฐกิจไทยน่าจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น