Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 กุมภาพันธ์ 2566

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 6-10 ก.พ. 66)

คะแนนเฉลี่ย

สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท

  • เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังข้อมูลตลาดแรงงานเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งหนุนแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินต่อเนื่องของเฟด เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าและฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในระหว่างสัปดาห์ หลังถ้อยแถลงของประธานเฟดมีท่าทีที่แข็งกร้าวน้อยกว่าที่ตลาดกังวล อย่างไรก็ดีสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยและยืนดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อจากเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่น ช่วยชะลอแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ไว้บางส่วน นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
  • สัปดาห์ระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ. 2566 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของไทย ญี่ปุ่น และยูโรโซน ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนม.ค.ของสหรัฐฯ การเสนอรายชื่อผู้ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ คนถัดไป รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจเดือนม.ค.ของจีน


สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย

  • SET Index ร่วงลงตลอดสัปดาห์ แต่ยังไม่หลุดแนว 1,600 จุด ท่ามกลางแรงขายต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ โดยปัจจัยลบหลักๆ มาจากความกังวลต่อทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่งกว่าตลาดคาด ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดยังคงสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทจดทะเบียนบางแห่งที่ออกมาน่าผิดหวังมีส่วนกดดันบรรยากาศการลงทุนในภาพรวมเช่นเดียวกัน
  • สัปดาห์ที่ 13-17 ก.พ. 2566 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,650 และ 1,635 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,680 และ 1,700 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/65 ของไทย ยูโรโซนและญี่ปุ่น ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/65 ของบจ. ไทย รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น