สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท
- เงินบาททยอยอ่อนค่าลงสอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินอื่นๆ
ในภูมิภาค
ประกอบกับมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นตามจังหวะการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ
หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ของตลาด
โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้บริโภค (+3.2% YoY ในเดือนก.พ. สูงกว่าตลาดคาดที่ 3.1%
YoY) ดัชนีราคาผู้ผลิต (+1.6% YoY ในเดือนก.พ. สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.1%
YoY) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ (ลดลง 1,000 ราย มาที่
209,000 ราย ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 218,000 ราย) ทั้งนี้
ตัวเลขเงินเฟ้อและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี
ลดทอนโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบการประชุม
FOMC ใกล้ๆ นี้ลง
- สัปดาห์ระหว่างวันที่
18-22 มี.ค. 2567 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.30-36.30
บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ
ผลการประชุมนโยบายการเงิน Dot Plot และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ที่ทบทวนใหม่ของเฟด (19-20 มี.ค.) ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (18-19
มี.ค.) และธนาคารกลางอังกฤษ (21 มี.ค.) การกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน
และข้อมูลเบื้องต้นของ PMI สำหรับเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ญี่ปุ่น
ยูโรโซนและอังกฤษ
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
- หุ้นไทยย่อตัวลงเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคท่ามกลางสัญญาณระมัดระวังของนักลงทุนระหว่างรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ.
ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีหุ้นไทยกลับมาปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์
โดยมีแรงหนุนจากการกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ
โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์และหุ้นกลุ่มพลังงาน
ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวขึ้น
หุ้นไทยย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค
หลังจากดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.พ. ของสหรัฐฯ
ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งส่งผลทำให้ตลาดกังวลว่า
เฟดมีแนวโน้มที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับสูงเป็นเวลานาน
- สัปดาห์ที่
18-22 มี.ค. 2567 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,375 และ 1,365 จุด ขณะที่
แนวต้านอยู่ที่ 1,400 และ 1,415 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม
ได้แก่ การประชุมเฟด (19-20 มี.ค.) การประชุม BOJ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ
ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือนมี.ค.
และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนม.ค.-ก.พ. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น