Display mode (Doesn't show in master page preview)

24 ตุลาคม 2568

Econ Digest

ค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย (สัปดาห์ที่ 20-24 ต.ค. 68)

คะแนนเฉลี่ย
สรุปความเคลื่อนไหวค่าเงินบาท 
• เงินบาทขยับอ่อนค่าเล็กน้อย แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนในระหว่างสัปดาห์ ทั้งนี้เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ตามตามทิศทางการอ่อนค่าของเงินเยน หลังตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมปลายเดือนต.ค. นี้ หากพรรค LDP สามารถบรรลุข้อตกลงกับพรรค Innovation Party และเปิดทางให้นาง Sanae Takaichi ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ เงินบาทยังขาดปัจจัยหนุนในช่วงที่ตลาดรอประเมินผลจากการหารือระหว่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เกี่ยวกับผลกระทบจากทิศทางค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 32.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือน ท่ามกลางแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรในตลาดทองคำโลก หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงท้ายสัปดาห์ สอดคล้องกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่กลับมาซื้อสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 
• สัปดาห์ระหว่างวันที่ 27-31 ต.ค. 2568 KBank คาดกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขการส่งออกและเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนก.ย. ของไทย ผลการประชุมเฟด (28-29 ต.ค.) การประชุม BOJ (29-30 ต.ค.) และการประชุม ECB (30 ต.ค.) สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ สถานการณ์การชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของยูโรโซน และข้อมูล PMI เดือนต.ค. รายงานโดยทางการจีน 

สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
• ดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นตลอดสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบล. ทั้งนี้ SET Index ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลบางส่วนต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หลังจากปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อจีนลง ประกอบกับตลาดตอบรับเชิงบวกต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศทั้งมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวซึ่งจะเปิดให้ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. เป็นต้นไป ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุนต่อเนื่อง โดยกลับมายืนเหนือแนว 1,300 จุดได้อีกครั้งช่วงกลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นำโดย หุ้นกลุ่มแบงก์ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ออกมาดีกว่าคาด กลุ่มเทคโนโลยีจากการคาดการณ์เรื่องผลประกอบการไตรมาส 3/2568 รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้น นอกจากนี้รายงานข่าวเกี่ยวกับการเปิดการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ช่วยหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 9 เดือนที่ระดับ 1,319.76 จุดในช่วงท้ายสัปดาห์ด้วยเช่นกัน 
• สัปดาห์ที่ 27-31 ต.ค. 2568 KSecurities คาดแนวรับที่ 1,300 และ 1,295 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,320 และ 1,350 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุม FOMC, BOJ และ ECB ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ตัวเลขส่งออกเดือนก.ย. ของไทย ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ของบจ.ไทย สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนต.ค. ของจีน

Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น