Display mode (Doesn't show in master page preview)

11 กุมภาพันธ์ 2563

Econ Digest

คนไทยปรับ...รับมือโคโรนา มีผลต่อธุรกิจอย่างไร?

คะแนนเฉลี่ย
​             จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ราว 66% จากจำนวนผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,200 คน มีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา  และ 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและให้ความสำคัญกับการป้องกันตนเองมากขึ้นในช่วงเวลานี้

             ภายใต้กรอบเวลา 1-3 เดือน ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คนไทยจะมีการใช้จ่ายในการป้องกันและดูแลสุขภาพผ่านการซื้อหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ คิดเป็นเงินราว 2,200-2,500 ล้านบาท ขณะที่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอาจก่อให้เกิดผลทางลบต่อภาคธุรกิจต่าง ๆ โดยผลกระทบหลักจะอยู่ที่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศผ่านการเลื่อน/ชะลอการเดินทางชั่วคราวคิดเป็นมูลค่าราว 13,100-17,500 ล้านบาท สำหรับผลต่อธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารในภาพรวมยังอยู่ในกรอบจำกัด โดยผู้ประกอบการบางรายอาจมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่บางรายอาจมีรายได้ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคลดความถี่ในการออกนอกบ้าน และซื้อสินค้าต่อครั้งในปริมาณที่มากขึ้น ใช้เวลาเลือกซื้อน้อยลง ขณะเดียวกันก็ซื้ออาหารสำเร็จรูป/ทำอาหารทานที่บ้านมากขึ้น เลือกร้านอาหารที่คนไม่หนาแน่น และบางส่วนหันมาสั่งอาหารที่มีบริการจัดส่งแทนการออกไปทานข้าวนอกบ้าน โดยคาดว่าธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหารจะสูญเสียรายได้สุทธิราว 900-1,500 ล้านบาท 

              ​นอกจากนี้ ผลสำรวจพบว่า จากความกังวลต่อสถานการณ์ไวรัสโคโรนาในช่วงเวลานี้ ประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เมื่อมีวิธีการรักษาโรค/วัคซีนป้องกันโรค มีมาตรการป้องกันที่สร้างความเชื่อมั่นจากภาครัฐ การไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็น 3 สถานการณ์ที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้น้ำหนักมากที่สุด



Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest