Display mode (Doesn't show in master page preview)

5 กันยายน 2562

Econ Digest

ในวิกฤติมี...โอกาส!สงครามการค้า...สร้างโอกาสส่งออกรถหรูไปจีน

คะแนนเฉลี่ย
        23 ส.ค. 2562 จีนประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมจากจีน โดยรถยนต์เป็นหนึ่งในสินค้าที่จีนจะปรับขึ้นภาษี 25% กับสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้วันที่ 15 ธ.ค. 2562 ซึ่งการขึ้นภาษีรอบนี้อาจทำให้ค่ายรถในสหรัฐฯ ที่มีตลาดจีนเป็นตลาดส่งออกหลักขนานใหญ่ต้องปรับตัว โดยในแง่ของมูลค่า จีนนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับ 2 ส่วนใหญ่เป็นรถหรูราคาแพง กินส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 75% ของรถยนต์ที่สหรัฐฯ ส่งออกไปจีนทั้งหมด 

           ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการขึ้นภาษีดังกล่าวน่าจะส่งผลดีต่อไทย โดยค่ายรถหรูมีโอกาสโยกการผลิตบางส่วนจากสหรัฐฯ มาไทยซึ่งมีโรงงานประกอบรถยนต์ของค่ายอยู่แล้วเพื่อส่งออกไปจีนแทน ขั้นต่ำน่าจะทำให้ปริมาณการส่งออกรถยนต์จากไทยไปจีนเพิ่มขึ้นมากกว่า 15,000 คัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 844 ล้านดอลลาร์ฯ ทำให้มูลค่าการส่งออกรถยนต์นั่งจากไทยไปจีนสูงกว่าปี 2561 ที่ 226 ล้านดอลลาร์ฯ ถึงกว่า 373% ดันให้จีนกลายเป็นตลาดส่งออกรถยนต์นั่งอันดับ 2 ของไทยทันที จากปัจจุบันที่อยู่ที่อันดับ 9 

           ​​ทั้งนี้ แม้มูลค่าการส่งออกรถยนต์นั่งจากไทยไปจีนที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเพียง 2% ของมูลค่าการนำเข้ารถยนต์ทั้งหมดของจีน แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ในอนาคตไทยมีโอกาสขยายส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้นมาก หากค่ายรถหรูดึงกำลังการผลิตจากสหรัฐฯ มาไทยมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง และใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปตลาดอื่นในภูมิภาค สำหรับปี 2562 แม้ไทยจะมีโอกาสส่งออกรถยนต์ไปจีนเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่อาจทำให้ภาพรวมการส่งออกรถยนต์ทั้งปีกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ เนื่องจากต้องเผชิญปัจจัยลบหลายด้าน โดยเฉพาะสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงคาดการณ์การส่งออกรถยนต์รวมของไทยทั้งปี 2562 ที่หดตัว 2.7% เช่นเดิม


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest