ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25% ในการประชุมวันที่ 27-28 เม.ย. นี้ โดยแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณฟื้นตัวดี หลังมีการเร่งฉีดวัคซีน ซึ่งทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจสามารถกลับมาดำเนินการเป็นปกติมากขึ้น ประกอบกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่คาดว่าตลาดแรงงานยังต้องใช้เวลายาวนานในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ตามเป้าหมายของเฟด และแม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะบรรเทาลง แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ ดังนั้น ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ยังอ่อนแรง ประกอบกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ คาดว่าเฟดน่าจะคงนโยบายแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ แม้ว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้น แต่เฟดมองว่าการเร่งขึ้นของเงินเฟ้อเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว อีกทั้งเฟดมีแนวโน้มที่จะให้น้ำหนักต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากกว่า ทั้งนี้ เงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเร่งสูงขึ้นในระยะอันใกล้ เนื่องจากฐานที่ต่ำในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. 2563 ขณะที่อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวดี ประกอบกับมีการชดเชยอุปสงค์ที่ค้างจากช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเกินเป้าหมายระยะยาวที่ 2.0% ในไตรมาส 2/2564 แต่เงินเฟ้ออาจปรับลดลงมาต่ำกว่าระดับ 2.0% ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ หากปัจจัยฐานต่ำและแรงหนุนจากการชดเชยอุปสงค์ที่ค้างนั้นลดลง ดังนั้น เฟดจึงยังไม่มีความจำเป็นในการดำเนินนโยบายแบบตึงตัวเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ
เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีทิศทางฟื้นตัวดีต่อเนื่อง เฟดจึงเผชิญความท้าทายในการคงนโยบายผ่อนคลายและอาจจำเป็นต้องเริ่มถอนนโยบายผ่อนคลายในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าเฟดน่าจะยังคงการซื้อสินทรัพย์ที่ระดับเดิมและคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับใกล้ศูนย์อย่างน้อยไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยหากเฟดเริ่มส่งสัญญาณปรับลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ จะสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินอย่างมาก ในขณะที่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้น เฟดน่าจะยังคงจุดยืนด้านนโยบายแบบผ่อนคลายไปจนถึงสิ้นปี และรอดูสถานการณ์ในปีหน้าเมื่อภาพต่างๆ ชัดเจนขึ้น
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น