ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยมูลค่าการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินด้านสิ่งแวดล้อม (Green Finance ซึ่งได้แก่ Green bond และ Green loan) เติบโตถึง 10 เท่านับตั้งแต่มีข้อตกลงปารีสในปี 2015 เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG) และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปจากภาวะโลกเดือด โดยลงทุนในโครงการประเภท Renewable Energy, Clean Transportation และ Green Building (รูปที่ 1 และ 2)
แต่ในช่วง 2 - 3 ปี ที่ผ่านมา เริ่มมีการพูดถึง Sustainable Finance ประเภทใหม่ที่เรียกว่า Transition Finance ซึ่งเปลี่ยนไปจาก Sustainable Finance ที่ให้ความสำคัญกับวัตถุประสงค์ในการนำเงินไปใช้
ขณะที่ Transition Finance ให้ความสำคัญกับแนวทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายลด GHG ในระยะยาว ซึ่งในบางอุตสาหกรรมที่เทคโนโลยีลด GHG ยังมีต้นทุนสูงและทำให้ยาก (hard-to-abate sectors) หรือมีการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ซีเมนต์ เหล็ก ปิโตรเลียม เป็นต้น
ไม่เข้าข่ายขอรับ Green Finance ได้ แต่ยังมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวม และธุรกิจเหล่านี้มีความตั้งใจลด GHG ในระยะยาว ทำให้ Transition Finance เข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมเปล่านี้ไปสู่เป้าหมายลด GHG ในระยะยาวได้
มูลค่า Transition Finance ทั่วโลก เติบโตกว่า 6 เท่า จากปี 2020 ส่วนใหญ่มาจาก Transition Finance ของประเทศญี่ปุ่น (รูปที่ 3) ที่มีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมหลักของประเทศที่ปล่อย GHG สูงให้สามารถบรรลุเป้าหมายลด GHG ในระยะยาว เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก ปิโตรเลียม ซีเมนต์ ยานยนต์ เป็นต้น
นโยบาย Transition Finance ของประเทศญี่ปุ่น
ในเดือน ก.พ. 2024 รัฐบาลญี่ปุ่นออก Climate Transition Bond มูลค่า 1.6 ล้านล้านเยน (3.67 แสนล้านบาท) เพื่อสนับสนุน R&D ผ่านกองทุน Green Innovation Fund (GI Fund) และ Subsidy Program ของรัฐบาล (รูปที่ 4) โดยเป็นการสนับสนุน R&D ด้าน Battery และการเปลี่ยนกระบวนการผลิตไปใช้เชื้อเพลิงชนิดอื่นในภาคการผลิต
ประเทศญี่ปุ่นหันมาให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่าน Brown Economy ไปสู่ Green Economy โดยนำหลักการ Transition Finance จากคู่มือ ICMA Climate Transition Finance Handbook ซึ่งให้นิยามว่าเป็นการสนับสนุนทางการเงินเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการลด GHG ในระยะยาว โดยการออก Transition Finance จะต้องประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ
1. Strategy and governance: มีกลยุทธและกระบวนการกำกับดูแลด้าน Transition ไปสู่เป้าหมาย
- Green Transformation (GX) Promotion Strategy 2023 เปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด
- จัดตั้ง GX Implementation Council
2. Business model environmental materiality: ลด GHG ในกิจกรรมของธุรกิจที่มีการปล่อย GHG สูง ซึ่งได้แก่อุตสาหกรรมใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคการผลิต และภาคพลังงาน
3. Climate transition strategy with Science-Based targets: แนวทางลด GHG สอดคล้องเป้าหมาย Paris Agreement
- ลด GHG 46% ภายในปี 2030 (จากปี 2013) และบรรลุ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 ซึ่งสอดคล้องกับ Paris Agreement
- Roadmap การลด GHG รายอุตสาหกรรม (รูปที่ 4)
4. Implementation transparency: ความโปร่งใสของการนำเงินไปใช้
- รัฐบาลให้เงินสนับสนุนเพื่อลงทุนมูลค่า 20 ล้านล้านเยน (4.5 ล้านล้านบาท) เป็นระยะเวลา 10 ปี ตาม Road Map ลด GHG รายอุตสาหกรรม
- จัดทำรายงานความคืบหน้าโครงการเป็นประจำทุกปี
การนำ Transition Finance มาใช้ในประเทศไทย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า Transition Finance จะมีความสำคัญกับอุตสาหกรรมไทยซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ดีเครื่องมือ Thailand Taxonomy เพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net zero นั้นตอบโจทย์ Transition ได้แค่บางส่วน ควรนำมาตรฐานต่างประเทศมาใช้ควบคู่กัน
ในประเทศไทยยังไม่มีหลักเกณฑ์หรือคู่มือการออกผลิตภัณฑ์ Transition Finance โดยเฉพาะ ซึ่งกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จาก Transition Finance มีการปล่อย GHG คิดเป็น 82% ของประเทศ มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมไทยคิดเป็นสัดส่วน 38% ของ GDP (รูปที่ 5)
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันประเทศไทยมีการประกาศใช้ Thailand Taxonomy ครอบคลุมภาคพลังงาน ขนส่ง (ระยะที่ 1) และภาคอุตสาหกรรม (อยู่ระหว่างจัดทำ) สามารถนำมาปรับใช้กับการออก Transition Finance ได้ แต่ยังมีอุตสาหกรรมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลไม่อยู่ในกิจกรรมที่ต้องส่งเสริม ซึ่งประเทศไทยมีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมากถึง 82% (รูปที่ 6) ส่งผลให้การนำ Taxonomy มาใช้จะไม่ครอบคลุมกิจกรรมสำคัญในเศรษฐกิจทั้งหมด จึงควรนำมาตรฐานต่างประเทศของ IEA Net Zero Roadmap, Japan Climate Transition Bond Framework, ASEAN Transition Finance Guidance มาเป็นมาตรฐานในการออก Transition Finance ควบคู่ด้วย
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น