ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
การตอบรับของตลาดสินทรัพย์เสี่ยง หลังจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ลง สถานการณ์ BREXIT หลังสภาขุนนางรับรองร่างกฎหมายป้องกันการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง เหตุการณ์ในฮ่องกงที่กลับมายกระดับความรุนแรงอีกครั้ง รวมถึงความคืบหน้าประเด็นเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
เงินบาทตลาดในประเทศ อ่อนค่าลงเมื่อวันศุกร์ก่อนหน้า (6 ก.ย.) ท่ามกลางแรงขายสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ ก่อนการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ
ส่วนเช้าวันนี้ (9 ก.ย.) เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.65-30.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดบวก
สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค แต่แรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจำกัดกรอบการปรับขึ้นของตลาด
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดบวกในภาพรวม
โดยรายงานข่าวความคืบหน้าประเด็นเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน
ยังคงหนุนบรรยากาศการซื้อขายโดยรวมของตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดปะปนจากข้อมูลตลาดแรงงานเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ซึ่งไร้ทิศทาง ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่า เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยในเดือนนี้ เพื่อหนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ราคาน้ำมันขยับขึ้น
ท่ามกลางการคาดการณ์ว่า เฟดอาจส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมเดือนนี้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังมีแรงหนุนจากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ที่ลดลงด้วยเช่นกัน
ขณะที่ราคาทองคำลดลง
สวนทางสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น