ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ความคืบหน้าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน (ซึ่งล่าสุดสื่อจีนรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ อาจเดินทางมาเยือนจีนในอาทิตย์หน้าเพื่อหารือร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน) สถานการณ์ Brexit หลังการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง (ซึ่งล่าสุดรัฐบาลอังกฤษเตรียมประกาศมาตรการตอบโต้อิหร่านกรณียึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ) ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย.
เงินบาทตลาดในประเทศ อ่อนค่าลงวานนี้ (22 ก.ค.)
ท่ามกลางการฟื้นตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ฯ หลังจากตลาดประเมินว่า เฟดไม่น่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรงในการประชุมปลายเดือนนี้
ส่วนเช้าวันนี้ (23 ก.ค.) เงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.86 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค
ประกอบกับมีแรงเทขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบัน
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดปะปน ซึ่งตลาดฝั่งเอเชียโดยรวมปิดลบ ท่ามกลางคาดการณ์ว่าโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรงในการประชุมเดือนนี้ลดน้อยลง ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก โดยมีแรงหนุนเข้ามาในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ จากคาดการณ์เรื่องผลประกอบการที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตลาดกังวลว่า
ปริมาณน้ำมันที่ขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซจะปรับลดลง
จากปัญหาความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง ส่วนราคาทองคำ ปรับลดลงเล็กน้อย
โดยนักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น