สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมการผลิตของผู้ประกอบการไทย
ทั้งในด้านอุปสงค์ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
ตลอดจนการชะงักงันของห่วงโซ่การผลิตที่เกี่ยวเนื่องทั้งในและนอกประเทศ
ทำให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหันมาพิจารณารูปแบบการบริหารจัดการห่วงโซ่การผลิตใหม่เพื่อลดความเสี่ยงในลักษณะเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหลังการระบาดของโควิด
โดยแนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้ คือ การปรับรูปแบบห่วงโซ่อุปทานให้เกิดการบูรณาการและกระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้นระหว่างผู้ผลิต
เพื่อการบริหารจัดการกระบวนการผลิตที่เป็นองค์รวมและยืดหยุ่นมากขึ้น โดยผู้ผลิตสินค้าขั้นปลายในห่วงโซ่อุปทานน่าจะเริ่มดำเนินการและสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการผลิตทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ผ่านการใช้งานระบบสารสนเทศที่อยู่บนแพลทฟอร์มพื้นฐานเดียวกัน ดังเช่นในอุตสาหกรรมยานยนต์
ที่ผู้ผลิตรถยนต์จะมีการสร้างแพลทฟอร์มการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานชิ้นส่วนของตนขึ้นมา
โดยแพลทฟอร์มดังกล่าวจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลอุปสงค์และอุปทานชิ้นส่วนในแต่ละ Tier เพื่อการบริหารจัดการระดับของกิจกรรมการผลิตและสต็อกสินค้าในแต่ละจุดของห่วงโซ่อุปทานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และสามารถลดความเสี่ยงจากการผลิตเกินควรหรือผลิตไม่เพียงพอ
เนื่องจากความผันผวนของอุปสงค์หรือปัญหาด้านอุปทานที่อาจเกิดขึ้น
ผู้ผลิตในแต่ละจุดของห่วงโซ่อุปทานที่มีความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ต่อกัน
อาจได้รับการร้องขอจากผู้ผลิตที่เป็นลูกค้าของตนให้เพิ่มสต็อกสินค้าขั้นกลางที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตในขั้นตอนต่อไปของกระบวนการผลิต
ซึ่งแม้จะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ก็สามารถลดความเสี่ยงในกรณีที่อาจเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อการผลิตชั่วคราวได้
เช่น การเพิ่มสต็อกในผู้ผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) แบบยืดหยุ่นซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญและขาดไม่ได้ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ในไทย
เป็นต้น ในขณะที่สำหรับกรณีที่ต้องมีการนำเข้าชิ้นส่วนขั้นกลางจากต่างประเทศ
ผู้ประกอบการในไทยอาจต้องมีมาตรการเพิ่มสต็อกมากขึ้น
เพื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ไม่แน่นอนในอนาคตของผู้ผลิตในไทยตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
โดยเฉพาะสินค้าขั้นกลางบางประเภทที่มีความซับซ้อนในการผลิตและต้องนำเข้า เช่น ตัวควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ (ECU) ที่ไทยจำเป็นต้องนำเข้าจากญี่ปุ่น หรือแม้แต่เวเฟอร์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ไทยต้องนำเข้ามาเพื่อผลิตวงจรสำหรับอุปกรณ์ฮาร์ดดิสก์
เป็นต้น สำหรับในระยะยาว ผู้ผลิตสินค้าในแต่ละอุตสาหกรรมอาจจำเป็นต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนให้มีจำนวนชิ้นส่วนลดลง
เพื่อลดความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน
และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในแต่ละจุดของห่วงโซ่การผลิตได้
รวมทั้งลดปัญหาการเก็บสต็อกชิ้นส่วนลง
นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมทางสังคมหลังโควิดที่เปลี่ยนไปในด้านการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล
อาจทำให้ผู้ประกอบการมีแนวโน้มที่จะพิจารณาจัดสภาพการทำงานของพนักงานในอนาคตให้สอดคล้องตาม
เช่น การจัดช่วงห่างในพื้นที่ทำงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการนำหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัตโนมัติรูปแบบต่างๆ
เข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตอย่างเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งแม้ในระยะสั้นจะมีต้นทุนเพิ่ม แต่ในระยะยาวจะทำให้การบริหารห่วงโซ่อุปทานในด้านการจัดการต้นทุนและคุณภาพสินค้าดีขึ้น
และลดความเสี่ยงจากปัญหาต่างๆ อันเกิดจากคนงานลงดังที่พบเห็นในช่วงการระบาดของโควิด
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น