การตัดอ้อยส่งโรงงานน้ำตาล นิยมใช้วิธีเผาอ้อยก่อนตัด โดย “อ้อยไฟไหม้” มีสัดส่วนเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 63.3 ในช่วง 10 ปีการผลิตที่ผ่านมา ซึ่งเกษตรกรนอกจากจะถูกหักค่าอ้อยในเรื่องคุณภาพแล้ว ยังเป็นการเพิ่มฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่อีกด้วย ดังนั้น หากมีการส่งเสริมให้ใช้เครื่องจักรตัดอ้อยสด นอกจากช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้ระดับหนึ่งแล้ว ยังช่วยให้เกษตรกรมีผลต่างรายได้สุทธิราว 74,550 บาทต่อครัวเรือน จากอ้อยสดและใบอ้อย เมื่อเทียบกับการตัดอ้อยไฟไหม้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า การสนับสนุนให้มีการตัดอ้อยสดเข้าโรงงาน จำเป็นต้องเพิ่มเครื่องจักรให้เพียงพอต่อการตัดอ้อยสด ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 2,000-2,500 คัน จากจำนวนที่ควรมีคือ 3,400-4,500 คัน นอกจากนี้ การสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย ปรับเปลี่ยนสภาพพื้นที่การเพาะปลูก ไปสู่รูปแบบการปลูกใหม่ที่เหมาะสำหรับการนำเครื่องจักรมาใช้เก็บเกี่ยว ก็เป็นสิ่งสำคัญ
ความท้าทายของการทำให้เกิดการลงทุนเพิ่มรถตัดอ้อย ที่มีราคาค่อนข้างสูงถึง 8-12 ล้านบาท ในเบื้องต้น หน้าที่นี้อาจจะต้องเป็นของโรงงานน้ำตาล หรืออาจลงทุนร่วมกับเกษตรกรรายใหญ่ โดยภาครัฐต้องเข้ามาสนับสนุน อาทิ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ มาตรการด้านภาษี รวมถึงส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การผลิตเครื่องตัดอ้อยให้มีราคาถูกลง เกษตรกรจะได้เข้าถึงมากขึ้น และควรส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปถึงชาวไร่อ้อย เกี่ยวกับสัดส่วนอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ ที่ต้องทำได้ในแต่ละปี โดยมีมาตรการบังคับที่ชัดเจนและจริงจัง ซึ่งจะทำให้สัดส่วนอ้อยไฟไหม้ลดลงหรือหมดไปในระยะข้างหน้า
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น