- ยอดคงค้างตราสารหนี้ ESG จีนทะลุ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 57% ของ GDP ไทยในปี 2024 จีนยังคงมีการขยายยอดคงค้างตราสารหนี้ ESG เป็น 304.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมียอดตราสารหนี้ออกใหม่ในเดือน เม.ย. 2025 17.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (Q1/2025 ออกเฉลี่ยเดือนล่ะ 8.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดย 60% มาจากภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคธนาคาร อาทิ Industrial Bank of Communications และ Bank of Beijing
- ยอดคงค้างตราสารหนี้ ESG สหรัฐฯ หดตัวครั้งแรก ตั้งแต่ช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากแนวนโยบายของทรัมป์ โดยยอดคงค้างตราสารหนี้ ESG อยู่ที่ 278.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากสิ้นเดือน มี.ค. 2025 ซึ่งอยู่ 288.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้ในเดือน เม.ย. 2025 ยอดตราสารหนี้ ESG ออกใหม่จะกลับมาสูงกว่าระดับกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบปีนี้ แต่ไม่สามารถชดเชยมูลค่าตราสารหนี้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนได้ สะท้อนว่าสหรัฐฯ ลดการลงทุนในโครงการ ESG ลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับในอดีต
- ยอดคงค้างตราสารหนี้ ESG ไทยทรงตัว แต่จะได้ผลดีบ้างจากกองทุน Thai ESGX และ Thai ESG ยอดคงค้างตราสารหนี้ ESG ไทยทรงตัวที่ 25.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่มีออกใหม่หรือที่ครบกำหนด
อุตสาหกรรมจัดการลงทุนคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนใหม่เข้าสู่กองทุน Thai ESGX ไม่ต่ำกว่า 1.5 – 2 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมถึงการออกตราสารหนี้ยั่งยืน
ทั้งนี้ ตลาดตราสารหนี้ไทยอาจถูกกดดันจากภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) และการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตไทยเป็น Negative จาก Moody’s
แนวโน้มในระยะข้างหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในระยะข้างหน้า ตลาดตราสารหนี้ ESG จีนและไทยจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ จะยังคงหดตัวรุนแรง
จีน: ขยายตัวสูงและจะแซงหน้าสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายลดลดการปล่อยคาร์บอนต่อหน่วย GDP ประมาณ 18% ภายในปี 2025 และมุ่งสู่การบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดภายในปี 2030
สหรัฐฯ: หดตัวชัดเจนมากขึ้น จากยอดคงค้างตราสารหนี้หดตัวตามการออกตราสารหนี้ที่ชะลอลง และไร้หนุนจากภาครัฐ
ไทย: ขยายตัวได้ จากกลุ่มกองทุน Thai ESGX และ Thai ESG แต่อาจจะถูกกดดันจากการผันผวนของเศรษฐกิจ
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น