ศูนย์วิจัยกสิกรไทยสำรวจมุมมองของผู้ปกครองต่อการระบาดของโควิด19 ในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2564 จากกลุ่มตัวอย่าง 600 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยผลสำรวจสะท้อนว่า ผู้ปกครองมากกว่า 88.5% ยังคงกังวลและไม่มั่นใจหากบุตรหลานต้องกลับไปเรียนอีกครั้ง เนื่องจากมองว่าการระบาดรอบนี้ค่อนข้างรุนแรง จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีความเสี่ยงที่จะกลับมาระบาดอีกครั้ง และยังไม่มีวัคซีนสำหรับเด็กนักเรียน ในขณะที่อีกราว 11.5% ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ปกครองที่มีความมั่นใจมองว่า เมื่อถึงเวลาเปิดเทอม สถานการณ์น่าจะคลี่คลายระดับหนึ่งแล้ว และสถานศึกษาคงมีมาตรการที่เข้มงวดในการเฝ้าระวัง
สำหรับในด้านการใช้จ่ายเพื่อการศึกษา ผู้ปกครอง 89.8% มีความกังวลต่อสภาพคล่องทางการเงิน โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด อาทิ ตนเองหรือสมาชิกในครอบครัวตกงาน ถูกปรับลดชั่วโมงทำงาน ไม่สามารถออกไปขายสินค้าได้และยอดขายของธุรกิจลดลง ส่งผลให้รายได้สวนทางกับรายจ่าย อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองกลุ่มนี้มีแนวทางในการปรับตัวคือ ประหยัดค่าใช้จ่ายประจำวันและมองหาแหล่งเงินจากหลายทางนอกเหนือจากการใช้เงินออม โดยผู้ปกครองบางรายเลือกที่จะขอผ่อนชำระหรือผ่อนผันกับทางโรงเรียน เลือกซื้อสินค้าที่มีราคาถูกกว่า ใช้เก่าของที่มีอยู่เดิม รวมถึงปรับลดค่าใช้จ่ายในการเรียนกวดวิชาและเสริมทักษะ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า มูลค่าการใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงเปิดเทอมใหญ่ปี 2564 อาจหดตัวลงประมาณ 6.6% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีมูลค่าประมาณ 26,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายลดภาระค่าเล่าเรียน แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือความระมัดระวังและการประหยัดของผู้ปกครอง ท่ามกลางผลกระทบของโควิดที่มีต่อสภาพคล่อง รายได้และการมีงานทำ สอดคล้องกับผลสำรวจที่ผู้ปกครองกลุ่มตัวอย่างยังมีการปรับลดค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้า อาทิ ชุดนักเรียน รองเท้า กระเป๋า อุปกรณ์เครื่องเขียน ฯลฯ สำหรับบุตรหลานอีกด้วย
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น