ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีผันผวนหนัก โดยหลายๆ สกุลเงินมีราคาที่ร่วงลงแรงมากกว่าร้อยละ 10 อาทิ Bitcoin Ethereurm Cardano XRP Litecoin Dogecoin ท่ามกลางข่าวเชิงลบจากการที่ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริการะบุว่าเตรียมจะยื่นฟ้องร้อง Coinbase ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนหรือก็กู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัลในแพลตฟอร์มยังไม่ถูกขึ้นทะเบียน หรือได้รับการอนุมัติก่อนนำเสนอข่าวหรือขายผลิตภัณฑ์สู่สาธารณะ
ขณะที่ข่าวจากประเทศเอลซัลวาดอร์ ก็สร้างความไม่มั่นใจให้กับตลาด จากทั้งความเห็นเชิงลบจากธนาคารกลางของหลายๆ ประเทศ หรือแม้แต่องค์กรระหว่างประเทศอย่าง IMF และ World Bank ในด้านปัญหาการใช้บิตคอยน์ รวมถึงความกังวลต่อการเป็นแหล่งฟอกเงิน ขณะที่การใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Chivo ของทางการเอลซัลวาดอร์ก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคจากการใช้งานในระยะแรก ทั้งปัญหาการดาวน์โหลด การโอนเงิน จากปริมาณการใช้งานมากในเวลาเดียวกัน อีกทั้ง ยังมีแรงต่อต้านจากประชากรบางกลุ่มในประเทศ ท่ามกลางความกังวลว่าจะถูกใช้เป็นเครื่องมือการฟอกเงิน และความรู้ต่อเงินดิจิทัลที่จำกัด แม้ทางการเอลซัลวาดอร์จะเข้าทยอยซื้อบิตคอยน์เพิ่มในจังหวะที่ราคาลง (ซึ่งข่าวระบุว่า ทางการเอลซัลวาดอร์เข้าซื้อสกุลเงินบิตคอยน์ไปแล้ว 550 เหรียญ) และจะมีร้านค้าอาหารชื่อดังหลายค่ายอย่าง McDonalds Starbucks และ Pizza Hut ประกาศรับชำระด้วยบิตคอยน์ก็ตาม ซึ่งจากเหตุผลต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น จึงน่าจะมีส่วนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนรายใหญ่เทขายสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อทำกำไร และน่าจะส่งผลต่อเนื่องให้เกิดความเสียหายต่อนักลงทุนรายย่อยในตลาด
นอกจากนี้ ทางการเอลซัลวาดอร์ก็ยังต้องเผชิญกับคำถามว่าจะสามารถดูแลความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีเหล่านี้อย่างไร เพราะด้วยความไม่แน่นอนของราคา ทำให้สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีถูกท้าทายในประเด็นคุณสมบัติของเงินตราที่จะสามารถเป็นหน่วยวัดมูลค่า (Unit of Account) หรือจัดเก็บมูลค่า (Store of Value) ที่ดี
ภาพต่างๆ ดังกล่าว สะท้อนถึงความเปราะบางของตลาดใหม่อย่างคริปโทเคอร์เรนซี ที่ปัจจัยข่าวเพียงเล็กน้อยก็อาจมีผลกระทบต่อมูลค่าตลาดค่อนข้างรุนแรง และเป็นการย้ำความผันผวนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยความแตกต่างจากสินทรัพย์ดั้งเดิมอื่นๆ ที่สามารถระบุมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ได้ชัดเจนกว่ามาก โดยจากการประเมินการเคลื่อนไหวของตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในช่วงที่ผ่านมา พบว่าการเคลื่อนไหวของราคามักขึ้นอยู่กับข่าวที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อ – ขายของนักลงทุนรายใหญ่ หรือแม้แต่ท่าทีการยอมรับหรือคัดค้านของผู้ประกอบการรายใหญ่และทางการของแต่ละประเทศในการใช้สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ รวมไปถึงการชำระหนี้ตามกฎหมาย ซึ่งแน่นอนว่า ข่าวข้างต้นเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมหรือคาดการณ์ได้ นั่นย่อมส่งผลให้นักลงทุนในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญความผันผวนของราคาอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
นอกจากเหนือจากปัจจัยข้างต้นแล้ว นักลงทุนอาจยังต้องจับตาประเด็นที่ธนาคารกลางหลายชาติทยอยถอยออกจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากในอนาคตอันใกล้ ด้วยการวางแผนลดปริมาณการซื้อพันธบัตรและตราสารหนี้ (QE) อันอาจกระทบต่อสภาพคล่องของการลงทุน/ เก็งกำไรในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างเช่นคริปโทเคอร์เรนซีในบางจังหวะด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ลักษณะการขึ้นลงของราคาคริปโทเคอร์เรนซีอย่างรวดเร็วในหลายๆ ช่วงที่ผ่านมา จะทำให้นักลงทุนในตลาดเกิดความคุ้นชินและยอมรับถึงความเสี่ยงจากการถือครองและลงทุนตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้มากขึ้น แต่จะให้ดีที่สุดก็คือ นักลงทุนควรเข้าใจและตระหนักอย่างถ่องแท้ถึงความเสี่ยงจากการลงทุนประเภทนี้ หลีกเลี่ยงการซื้อตามเพื่อนหรือตามกระแสเพราะคาดหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนที่สูงในระยะสั้น อีกทั้ง ควรปันเงินที่มีอยู่มาลงทุนในสัดส่วนเท่าที่จะสามารถรับความเสี่ยงได้ หากมูลค่าเงินต้นลดลงตามระดับที่กำหนดไว้ (ซึ่งอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความสามารถในการรับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละคน)
นอกจากนี้ ยังควรศึกษาถึงลักษณะเฉพาะของเหรียญ ทั้งกลไก เทคโนโลยีของเครือข่ายในเชิงลึกขึ้น รวมถึงประโยชน์เฉพาะที่สืบเนื่องของเหรียญเหล่านั้นในโลกดิจิทัล อาทิ บางสกุลมีสภาพคล่องสูงกว่าตัวอื่น ทำให้เป็นที่ยอมรับแพร่หลายกว่านำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนกับเหรียญอื่นที่มีประโยชน์เฉพาะด้าน เช่น กิจกรรมการปล่อยกู้ หรือซื้อขายเหรียญที่ไม่สามารถทดแทนได้ (Non-Fungible Token หรือ NFT) เพื่อลงทุนในภาพวาดดิจิทัล (Crypto Art) ซึ่งนักลงทุนก็ยังควรต้องมีความรู้เฉพาะด้านศิลปะประกอบ เป็นต้น เนื่องจากอาจช่วยเพิ่มเหตุผลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการถือครองเหรียญบางตัวในระยะยาวขึ้น
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น