โอลิมปิกไร้ผู้ชม(สด) ญี่ปุ่น"ได้คุ้มเสีย"หรือไม่?

ญี่ปุ่นเดินหน้าจัดงานโตเกียวโอลิมปิกระหว่างวันที่ 23 ก.ค. ถึง 8 ส.ค. 64 ท่ามกลางการระบาดหนักในประเทศ ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 5,000 ราย และกระแสคัดค้านจากประชาชนกว่า  40% เนื่องจากกังวลว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงอีก รวมถึงแรงกดดันทางการเมือง  แม้การจัดงานในครั้งนี้จะไม่คุ้มค่าในเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายด้าน  แต่หากยกเลิกการจัดงานจะยิ่งสูญเสียงบประมาณไปโดยเปล่าประโยชน์และกระทบต่อหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้  การจัดงานโอลิมปิกยังส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นค่อนข้างจำกัด ทั้งยังทำให้ญี่ปุ่นประสบภาวะขาดทุนซ้ำเติมภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การเป็นเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้ ไม่น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้น   โดยคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปี 64 น่าจะกลับมาประคองการเติบโตได้ที่ 2.6% ด้วยแรงขับเคลื่อนภาคการส่งออกโดยเฉพาะตลาดจีนและสหรัฐฯ และอานิสงส์จากฐานที่ต่ำสุดในรอบทศวรรษที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงถึง (-)4.8% ในปี  63  แม้จะยังมีปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจจากภาวะเงินฝืดเรื้อรังที่มีอยู่ก่อนหน้าและกำลังซื้ออ่อนแรงลงต่อเนื่อง ขณะที่การระบาดของโควิด19 จะกลายเป็นแรงกดดันสำคัญที่ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตต่ำกว่าที่คาด  หากหลังสิ้นสุดการแข่งขันโอลิมปิกยังไม่สามารถดึงยอดผู้ติดเชื้อให้ลดลงมาได้  

สำหรับอานิสงส์ของการจัดงานโอลิมปิกที่มีต่อไทย ยังต้องติดตามสถานการณ์หลังการแข่งขันที่อาจนำมาสู่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดญี่ปุ่นในระยะข้างหน้า โดยการส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกปี 64 มีมูลค่า 12,565 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 12.6% ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ประกอบกับฐานที่ต่ำจากการผ่านพ้นช่วงวิกฤตของโควิด19 มีส่วนทำให้การส่งออกของไทยไปญี่ปุ่นในปี 64 กลับมาขยายตัวเป็นบวกที่  12.2%  โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่กลับมาทำตลาดได้ดีขึ้น ประกอบด้วย รถยนต์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องจักรกล เคมีภัณฑ์ คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ​