เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 นายโจ ไบเดน ได้แถลงผลงาน 100 วันแรก หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส โดยมีประเด็นหลักที่น่าสนใจคือ การแก้ปัญหาโควิด 19 เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ มาตรการการคลัง และมาตรการระหว่างประเทศ โดยเฉพาะท่าทีต่อจีน
สหรัฐฯ บรรลุเป้าหมายฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสก่อนเป้าหมาย 40 วัน โดยมีประชากรได้รับวัคซีนครบ โดสมากกว่า 30% ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว กำลังซื้อของผู้บริโภคและผลประกอบการของภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้น สะท้อนจาก GDP สหรัฐฯ ในไตรมาส 1/2564 ขยายตัว 6.4% การใช้จ่ายของผู้บริโภคขยายตัว 10.7% การบริโภคและการลงทุนของภาครัฐขยายตัว 6.3% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ที่เน้นหนักไปที่การให้เงินช่วยเหลือแก่ครัวเรือนและผู้ว่างงาน รวมถึงกองทุนเพื่อการฉีดวัคซีนโควิด 19 ทั้งนี้ คาดว่าปี 2564 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 6.4% หรือกลับเข้าสู่ระดับก่อนโควิด ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนรายได้จากการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2564 ให้เติบโตราว 7.8%
สำหรับนัยของแถลงการณ์ต่อเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ร้อนแรงจากการอัดฉีดมาตรการการคลังขนาดใหญ่ควบคู่กับการดำเนินมาตรการ QE ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจทยอยถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในระยะข้างหน้า ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ในส่วนของมาตรการระหว่างประเทศ คาดว่าสหรัฐฯ จะไม่ยกระดับสงครามการค้ากับจีน แต่จะเน้นการแข่งขันด้านเทคโนโลยีที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในยุคดิจิทัลเป็นหลัก นอกเหนือจากการสร้างฐานพันธมิตรกับต่างชาติเพื่อช่วยต่อกรกับจีนในระยะข้างหน้า ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะส่งผลให้บรรยากาศการค้าและการลงทุนของโลกตึงเครียด ในขณะที่เศรษฐกิจขนาดเล็กอย่างไทยจะต้องมีการรักษาสมดุลระหว่างขั้วมหาอำนาจทั้งสอง
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น