ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2562 ของจีน และผลสำรวจกิจกรรมภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กเดือนก.ค. ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนในตลท. ที่จะทยอยประกาศออกมา และทิศทางเงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนต่างชาติ
เงินบาทตลาดในประเทศอ่อนค่าลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ค.)
หลังจากธปท. ออกมาตรการเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น โดยปรับลดเกณฑ์ยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชี
NRBA
และNRBS
และยกระดับการรายงานข้อมูลการถือครองตราสารหนี้ไทยของต่างชาติ
ส่วนเช้าวันนี้ (15 ก.ค.) เงินบาทอ่อนค่ามาที่ระดับ 30.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
แม้ว่าเงินดอลลาร์ฯ จะเผชิญแรงกดดันจากการคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC
ปลายเดือนนี้ก็ตาม
ตลาดหุ้นไทย
ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง หลังธปท. ออกมาตรการเพื่อเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น
ตลาดหุ้นต่างประเทศโดยรวมปิดบวก
โดยยังมีแรงหนุนต่อเนื่องจากคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ ขณะที่นักลงทุนรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2562 ของจีน เพื่อประเมินผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีแรงหนุนจากสัญญาณตึงเครียดระหว่างอังกฤษ
และอิหร่าน ขณะที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น หลังเงินดอลลาร์ฯ
อ่อนค่าลง
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น