ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม:
ประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนจีนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ รวมถึงสถานการณ์ Brexit ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย. และดัชนี PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนก.ค. ขณะที่ ปัจจัยในประเทศที่ตลาดรอติดตาม คงได้แก่ ความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
เงินบาทตลาดในประเทศ อ่อนค่าลงวานนี้ (23 ก.ค.)
สอดคล้องกับทิศทางการอ่อนค่าของสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเช้าวันนี้ (24 ก.ค.) เงินบาททรงตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 30.90-30.92 บาทต่อดอลลาร์ฯ**
ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณและเพดานหนี้ระหว่าง ปธน. ทรัมป์ และสภาคองเกรส รวมถึงการที่
IMF
ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้
ตลาดหุ้นไทยปิดลบ
จากแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ขณะที่ตลาดยังรอติดตามความชัดเจนในส่วนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล
ตลาดหุ้นต่างประเทศปิดบวก จากความคาดหวังในประเด็นการเจรจาการค้าสหรัฐฯ และจีน หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะหารือกันในสัปดาห์หน้า ประกอบกับมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ อาจผ่อนคลายคำสั่งแบนบริษัทหัวเว่ยของจีน ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ
มีแรงหนุนเพิ่มเติมจากผลประกอบการไตรมาส 2/62 ที่ดีกว่าคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ อย่างโคคา โคล่า
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังมีการคาดการณ์ว่า
สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง
แต่การที่ลิเบียสามารถกลับมาผลิตน้ำมันได้ตามปกติช่วยชะลอให้ราคาน้ำมันไม่เพิ่มขึ้นสูงมาก
ส่วนราคาทองคำปรับลดลงเล็กน้อย
หลังจากเงินดอลลาร์ฯ
แข็งค่าขึ้น
ที่มา: ธปท., Bisnews, www.bloomberg.com รวบรวมโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย
หมายเหตุ: *อัตราอ้างอิงจากธปท. **ข้อมูล ณ เวลา 8.25 น.
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น