ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ในเดือน ม.ค. 64 และอีกสามเดือนข้างหน้า ปรับลดต่ำลงจากเดือนก่อนค่อนข้างมาก มาอยู่ที่ระดับ 37.2 และ 38.8 ตามลำดับ หลังการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. 63 มาตรการควบคุมการระบาดได้ถูกใช้อีกครั้ง แม้ว่าไม่เข้มงวดเท่าที่ใช้ในการระบาดรอบแรก แต่ก็ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กำลังเริ่มฟื้นตัว กลับเข้าสู่ภาวะชะงักชะงันอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ครัวเรือน มีความกังวลเพิ่มขึ้นอย่างมาก ต่อภาวะการมีรายได้และการมีงานทำ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้สำรวจผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อเทียบกับการระบาดในรอบแรก พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (44%) ระบุว่าได้รับผลกระทบปานกลาง โดยมีความเคยชินกับวิธีการรับมือ และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะที่อีก 34% ระบุว่าได้รับผลกระทบมาก (มีความวิตกกังวลเหมือนกับการระบาดรอบแรก) ขณะที่ ครัวเรือนบางส่วน ได้รับผลกระทบจากการถูกลดเวลาการทำงาน ทำให้สูญเสียรายได้บางส่วน ซึ่งส่งผลต่อกำลังของภาคครัวเรือนในอนาคต ดังนั้น มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ จึงยังมีความจำเป็น ในการช่วยเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากการสำรวจ พบว่า มาตรการช่วยเหลือที่ออกโดยภาครัฐ ส่วนใหญ่เป็นไปตามความต้องการของครัวเรือนไทย ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการความช่วยเหลือในเรื่องการแจกเงินเยียวยาวมากที่สุด (50.6%) ขณะที่มาตรการที่ต้องการให้จัดมีเพิ่มขึ้น ได้แก่ มาตรการอุดหนุนเงินแก่บริษัทเพื่อรักษาการจ้างงาน
สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ มีแนวโน้มดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันจากการค้นหาเชิงรุกเริ่มลดน้อยลง ขณะที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น การขยายเวลาการเปิดร้านอาหาร และฟิตเนสที่เริ่มกลับมาเปิดได้ นอกจากนี้ วัคซีนที่จะเริ่มเข้ามาในช่วงเดือน ก.พ. 64 จะทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาเพิ่มขึ้น แต่กระนั้น การเว้นระยะห่างทางสังคม ยังคงมีความจำเป็น จนกว่าประชาชนจะได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ การใช้ชีวิตประจำวันจึงจะกลับมาเป็นปกติได้ ดังนั้น การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ยังคงต้องใช้เวลาไปอีกสักระยะ
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น