Display mode (Doesn't show in master page preview)

31 พฤษภาคม 2564

Econ Digest

ความต้องการใช้สภาพคล่องของรัฐและเอกชนปี 64 เร่งตัวขึ้น “แต่ยังบริหารจัดการได้”

คะแนนเฉลี่ย

ขณะที่การระบาดของโควิด 19 จะยังคงยืดเยื้อ และส่งผลทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจล่าช้าออกไป ปัจจัยที่กระทบสภาพคล่องในระบบการเงินไทยปีนี้ก็กลับมีมากขึ้น ทั้งจากการระดมทุนของภาครัฐที่ยังมีความจำเป็นต้องเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อประคองเศรษฐกิจ และการระดมทุนภาคเอกชนทั้งที่ผ่านการออกหุ้นกู้และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ขณะที่ฝั่งเติมสภาพคล่องจากดุลบัญชีเดินสะพัด หรือเงินลงทุนของต่างชาติในตลาดทุนกลับมีทิศทางชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยทำการประเมินแนวโน้มความต้องการใช้สภาพคล่องและปริมาณสภาพคล่องระหว่างปี 2564 นี้ โดยพบว่า จะมีความต้องการใช้สภาพคล่องส่วนเกินอยู่ประมาณ 1.46 ล้านล้านบาท เทียบกับปี 2563 ที่ประมาณ 1.38 ล้านบาท ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ความต้องการใช้สภาพคล่องส่วนเกินนี้ ยังอยู่ในวิสัยที่บริหารจัดการได้ และคงไม่กดดันให้ผลตอบแทนหรืออัตราดอกเบี้ยตลาดพุ่งขึ้นจนถึงขั้นกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะที่เหลือของปี เนื่องจาก ธปท. ยังคงมีกลไก/เครื่องมือที่สามารถดูแลปริมาณสภาพคล่องโดยรวมในระบบให้อยู่ในระดับเพียงพอกับความต้องการ ประกอบกับสามารถนำสภาพคล่องสะสมจากส่วนอื่นในระบบมาบริหารจัดการได้ นอกจากนี้คาดว่าแรงกดดันต่อดุลบัญชีเดินสะพัดน่าจะทยอยลดน้อยลงในช่วงครึ่งหลังปี 2564 

แม้ประเด็นสภาพคล่องยังอยู่ในสถานะที่สามารถบริหารจัดการได้ แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจกดดันต้นทุนการระดมทุนผ่านตลาดพันธบัตรให้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในระยะที่เหลือปีนี้ โดยคาดว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ณ สิ้นปี 2564 อาจขยับสูงขึ้นไปที่กรอบ 1.70-2.10% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีอาจปรับตัวขึ้นไปที่กรอบ 0.50-0.90% โดยแนวโน้มขาขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าวย่อมจะส่งผลทำให้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ภาคเอกชนขยับสูงขึ้นตาม แต่ทิศทางดอกเบี้ยในตลาดพันธบัตรดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะอิงกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายการเงินและสภาพเศรษฐกิจไทยมากกว่า


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest