ตลาดไทยเที่ยวไทยมีความสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวปี 2564 กลับต้องมาชะลอตัวลงอีกครั้งจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. ที่ผ่านมา โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินสถานการณ์ตลาดไทยเที่ยวไทยปีนี้เป็น 2 กรณี
กรณีที่ 1 การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศสามารถควบคุมได้ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า และในช่วงที่เหลือของปีนี้ไม่มีการระบาดซ้ำ หรือไม่พบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน จนกระทบการเดินทางท่องเที่ยว ขณะเดียวกันการใช้วัคซีนก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยจะมีจำนวน 120 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 39% จากปี 2563 (แต่ยังต่ำกว่าปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 172.7 ล้านคน-ครั้ง) การท่องเที่ยวในประเทศน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงปลายไตรมาส 1/2564 และฟื้นตัวต่อเนื่อง การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมีมูลค่าราว 6.6 แสนล้านบาท
กรณีที่ 2 การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศสามารถควบคุมได้ในช่วง 3 เดือนแรกปี 2564 และการใช้วัคซีนเป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่การระบาดทั่วโลกยังไม่คลี่คลาย ดังนั้นทั้งปียังมีความเสี่ยงที่จะพบผู้ติดเชื้อในประเทศ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยจะมีจำนวน 90 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 4.3% จากปี 2563 การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมีมูลค่าราว 5.0 แสนล้านบาท
สำหรับนโยบายสนับสนุนหลังจากที่สถานการณ์โควิดดีขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ทางการน่าจะขยายระยะเวลาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน หรือมีมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมจนถึงสิ้นปี 2564 เพื่อช่วยประคองธุรกิจในห่วงโซ่การท่องเที่ยว และเพื่อให้มาตรการการท่องเที่ยวที่ออกมาเกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีการนำข้อมูลจากมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวและผลสำรวจของทางการมาวิเคราะห์ ซึ่งน่าจะช่วยให้สามารถออกแบบมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวที่ตรงกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น