Display mode (Doesn't show in master page preview)

25 มีนาคม 2564

Econ Digest

วิกฤติค่าเงินลีราอ่อนค่า โจทย์ที่ซับซ้อน

คะแนนเฉลี่ย


ค่าเงินลีราของตุรกีเผชิญแรงเทขายอย่างหนัก หลังตลาดการเงินเอเชียเปิดทำการในวันจันทร์ที่ 22 มี.ค. 2564 โดยค่าเงินลีราอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 8.4706 ลีราต่อดอลลาร์ฯ ร่วงลงประมาณ 15% เทียบกับระดับปิดตลาดของวันศุกร์ที่ 19 มี.ค. 2564 รับข่าวที่ประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdogan ประกาศปลดนาย Naci Agbal ผู้ว่าการธนาคารกลางตุรกีเมื่อวันเสาร์ที่ 20 มี.ค. 2564 ซึ่งตั้งแต่เดือนก.ค. 2562 มีการปลดผู้ว่าการธนาคารกลางตุรกีออกก่อนวาระแล้วจำนวนถึง 3 คน  

ตุรกีเป็นหนึ่งในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีปัญหาเศรษฐกิจและวิกฤตค่าเงินตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังเสื่อมถอยลงท่ามกลางสัญญาณที่สะท้อนการแทรกแซงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางตุรกี ซึ่งประธานาธิบดี Erdogan ได้ออกมาเรียกร้องอย่างต่อเนื่องให้ธนาคารกลางตุรกีปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ในระดับต่ำ แต่ในช่วงเวลาไม่ถึง 5 เดือนของการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าการฯ Agbal ธนาคารกลางตุรกีได้ทยอยคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ รวมทั้งสิ้น 8.75% โดยการประชุมรอบล่าสุด วันที่ 18 มี.ค. 2564 ธนาคารกลางตุรกีมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2.00% มาอยู่ที่ระดับ 19.00% เพื่อสกัดแรงกดดันจากเงินเฟ้อ และควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์เงินทุนไหลออก  

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า วิกฤตค่าเงินลีราของตุรกีรอบนี้มีความซับซ้อน เนื่องจากความอ่อนแอจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของตุรกีไม่สามารถแก้ไขได้ภายในระยะเวลาอันสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากวิกฤตโควิด 19 ทำให้ค่าเงินลีราของตุรกีมีความเสี่ยงที่จะเผชิญแรงกดดันอีกหลายระลอก และอาจกดดันสกุลเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง รวมถึงสกุลเงินบางส่วนในเอเชีย แต่สำหรับไทย แม้เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบที่อ่อนค่าแต่ผลกระทบยังไม่มาก ขณะที่สถานการณ์ของไทยมีความแตกต่างกว่ามาก เนื่องจากไทยมีสถานะ/เสถียรภาพทางการเงินที่แข็งแกร่ง และไทยก็มีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest