Display mode (Doesn't show in master page preview)

19 พฤษภาคม 2564

Econ Digest

เงินเฟ้อสหรัฐฯ…พุ่งสูงเกินคาด อาจกดดัน"เฟด"ถอนมาตรการผ่อนคลายฯ เร็วขึ้น

คะแนนเฉลี่ย


เดือน เม.ย. 2564 อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่าที่ตลาดคาด  โดยเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 4.2% YoY   และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.0% จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ฟื้นตัวดีหลังการเร่งฉีดวัคซีนและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ในด้านอุปทานเผชิญปัญหาขาดแคลนสินค้าและวัตถุดิบในการผลิต  รวมถึงการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะพลังงานที่กดดันให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น 

เงินเฟ้อที่เร่งสูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยกดดันให้เฟดถอนมาตรการการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าที่คาด โดย เฟดน่าจะยังให้น้ำหนักต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากกว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อ รวมถึงให้น้ำหนักกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงานเป็นสำคัญ  ซึ่งแม้ปัจจุบันตลาดแรงงานมีสัญญาณฟื้นตัว แต่จำนวนคนว่างงานยังสูงกว่าระดับก่อนโควิดมาก โดยอัตราการว่างงาน ณ เดือน เม.ย. 2564 อยู่ที่ 6.1%   ขณะที่จำนวนคนว่างงานอยู่ที่ 9.8 ล้านคน ทำให้คาดว่าต้องใช้ระยะเวลาอีกนานกว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัวเต็มที่ตามเป้าหมายของเฟด 

ทั้งนี้ จากการที่เงินเฟ้อปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดคาดว่าเฟดน่าจะต้องยืนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายไปจนถึงสิ้นปีนี้เป็นอย่างน้อย ขณะที่เฟดอาจเลือกใช้มาตรการควบคุมเส้นผลตอบแทนตลาดพันธบัตรเพื่อกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวไม่ให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แม้เฟดจะสามารถกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวลงมาได้ แต่หากการจ้างงานกลับมาสู่ระดับใกล้เคียงปกติ (Near full employment) เฟดคงจำเป็นต้องถอนมาตรการการเงินแบบผ่อนคลาย  ซึ่งทำให้คาดว่าในรอบนี้ เฟดอาจแทรกแซงตลาดได้ไม่นานนัก โดยอาจทำได้เพียงในระยะเวลาไม่กี่เดือน ต่างจากในช่วงปี 2554-2555 ที่เฟดทำ Operation Twist เป็นปีๆ


Scan QR Code


QR Code

หมายเหตุ

รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น

Econ Digest