สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเวียดนามอยู่ในประเทศที่บิดเบือนค่าเงิน (Currency Manipulation) โดยสาเหตุสำคัญมาจากการแทรกแซงค่าเงินดองของเวียดนาม ที่สะท้อนจากยอดซื้อเงินตราต่างประเทศสุทธิของเวียดนามสูงถึง 5.1% ต่อ GDP (สูงกว่าเกณฑ์ที่ 2.0% ต่อ GDP) การถูกขึ้นบัญชีฯ อาจเป็นแรงกดดันที่ทำให้ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) จำเป็นต้องปรับค่าเงินดองให้แข็งค่าขึ้นในช่วงร้อยละ 5 ถึง 7 เพื่อลดทอนความเสี่ยงที่อาจจะถูกสหรัฐฯ ใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าเพิ่มเติม
ที่ผ่านมา ค่าเงินดองที่อ่อนค่า เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่เอื้อให้การส่งออกสินค้าต่างๆ ของเวียดนาม ซึ่งมีความได้เปรียบในการผลิตอยู่แล้ว มีแรงดึงดูดการลงทุนมากกว่าคู่แข่งประเทศอื่น ทำให้เวียดนาม สามารถผลิตและส่งออกเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว จะเห็นได้จากตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของเวียดนามเร่งขึ้นถึง 4 เท่าตัว จาก 0.72 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2552 มาแตะที่ 2.6 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2562 แซงไทยได้เป็นครั้งแรก
จากสถานการณ์ดังกล่าว นำมาสู่คำถามที่ว่า หากค่าเงินดองของเวียดนามแข็งค่าขึ้น จะกระทบต่อการส่งออกของเวียดนาม และส่งผลให้เวียดนาม สูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะไทย หรือไม่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากโครงสร้างการผลิตของเวียดนาม ที่ส่วนมากเน้นการใช้แรงงานเข้มข้น และต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ทำให้ค่าเงินดองถึงแม้จะแข็งค่าขึ้นร้อยละ 5 ถึง 7 ไม่น่าจะกระทบต่อส่วนต่างกำไร จากการส่งออกมากนัก เวียดนามจึงยังคงความสามารถในการแข่งขันในด้านการผลิตและส่งออกไว้ได้อีกระยะหนึ่ง
ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
Scan QR Code
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น