Display mode (Doesn't show in master page preview)

29 มกราคม 2551

ตลาดการเงิน

การประชุม 29-30 ม.ค. ... เฟดอาจลดดอกเบี้ยอีก (มองเศรษฐกิจฉบับที่ 2103)

คะแนนเฉลี่ย

แม้ภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึงร้อยละ 0.75 ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา อาจทำให้ดูเหมือนว่ามีความเป็นไปได้หลายแนวทางที่เฟดจะตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 29-30 มกราคม 2551 ที่จะถึงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก แต่เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจประสบกับภาวะถดถอย และปัญหาการขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐฯ ตลอดจนความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ยังจำกัดในขณะนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า เฟดอาจยังมีความจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกอย่างน้อยร้อยละ 0.25 ในการประชุมวันที่ 29-30 มกราคม 2551 เพื่อสร้างหลักประกันที่เพียงพอและเรียกฟื้นความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและผู้บริโภคสหรัฐฯให้กลับคืนมา อีกทั้งยังเป็นการแสดงจุดยืนที่แน่วแน่ว่าเฟดพร้อมที่จะดำเนินการทุกวิถีทางตามความจำเป็นเพื่อดูแลความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยมองว่าน่าจะเป็นการดำเนินการที่เกิดความเสี่ยงน้อยกว่ากรณีที่เฟดเลือกที่จะรอจนกว่าจะถึงการประชุมรอบถัดไปในวันที่ 18 มีนาคม หรือเลือกดำเนินการก่อนหน้านั้น (inter-meeting) เนื่องจากหากเฟดเลือกที่จะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมรอบนี้ ก็อาจสร้างความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด เพราะตลาดอาจกังขาหรือวิพากษ์วิจารณ์ว่าเฟดมีมุมมองต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในเชิงบวกที่มากเกินไปหรือเป็นการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายที่ล่าช้าและน้อยเกินไป หากปรากฏว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจที่จะทยอยรายงานออกมายังมีแนวโน้มย่ำแย่อยู่ในระยะถัดๆ ไป

สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า หากเฟดมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯและไทยที่อาจลดลงมาเหลือศูนย์หรือมีค่าติดลบ จากเดิมที่มีค่าเป็นบวกร้อยละ 0.25 (อัตราดอกเบี้ย Fed Funds ของสหรัฐฯ ขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 3.50 สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันของไทยที่อยู่ที่ร้อยละ 3.25) ตลอดจนแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ฯ คงจะเป็นหนึ่งในหลายๆ ประเด็นสำคัญที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยจะนำมาชั่งน้ำหนักเพื่อพิจารณาทิศทางนโยบายการเงินของไทย อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า กนง.คงจะให้น้ำหนักต่อการรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยคงจะยังติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจภายในประเทศต่างๆ ตลอดจนความเชื่อมั่นของภาคเอกชน เพื่อประกอบการตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยต่อไป

ดูรายละเอียดฉบับเต็ม


ตลาดการเงิน