ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) คงจะมีมติให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมที่ร้อยละ 3.25 ในการประชุมรอบที่สี่ของปีในวันที่ 21 พฤษภาคม 2551 นี้ โดยให้น้ำหนักกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงเกือบตลอดระยะเวลาที่เหลือของปี ในขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยยังคงมีสัญญาณการปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ทั้งนี้ แม้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อที่ระดับสูง ส่วนใหญ่อาจมาจากปัจจัยด้านอุปทานจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เป็นหลัก และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจยังมีแนวโน้มอยู่ภายในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ กนง. แต่โอกาสที่ กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าที่จะมีจำกัดลง เพราะอาจกระทบต่อเสถียรภาพโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะจากการที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยของปีนี้อาจอยู่ในช่วงร้อยละ 5.0-5.8 เพิ่มขึ้นมากจากร้อยละ 2.3 ในปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเสถียรภาพด้านเงินเฟ้อ ก็คาดว่าคงจะยังไม่เกิดขึ้นเร็วเช่นกัน เพราะอาจจะเป็นการซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจซึ่งเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในระยะถัดไปนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า ปัจจัยสำคัญคงจะอยู่ที่สถานการณ์การปรับตัวของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์หลักต่างๆ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน ประสิทธิผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตลอดจนแนวโน้มเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อการประเมินความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการตัดสินใจนโยบายการเงินเพื่อรักษาสมดุลความเสี่ยงดังกล่าวของ กนง.ในอนาคตต่อไป
หมายเหตุ
รายงานวิจัยฉบับนี้จัดทำเพื่อเผยแพร่ทั่วไป โดยจัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้อง ความน่าเชื่อถือ หรือความสมบูรณ์เพื่อใช้ในทางการค้าหรือประโยชน์อื่นใด บริษัทฯ อาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลได้ตลอดโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ผู้ใช้ข้อมูลต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้ข้อมูลต่างๆ ด้วยวิจารณญาณตนเองและรับผิดชอบในความเสี่ยงเองทั้งสิ้น บริษัทฯ จะไม่รับผิดต่อผู้ใช้หรือบุคคลใดในความเสียหายใดจากการใช้ข้อมูลดังกล่าว ข้อมูลในรายงานฉบับนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการให้ความเห็น หรือคำแนะนำในการตัดสินใจทางธุรกิจ แต่อย่างใดทั้งสิ้น